>

User ชนิดต่างๆ ใน Google Analytics มีอะไรบ้าง มาดูกัน

อีกแป๊บเดียว Product เทพๆ เกี่ยวกับ Web Analytics Tool และการเช็ค Traffic ให้เว็บ จากค่าย DIKW ก็กำลัง จะออกมาสู่ตลาดแล้ว เมื่อวาน ได้ไปสอนที่ระบบ The War Room เกี่ยวกับการทำ โฆษณา Google AdWords ให้แบบฟรีๆ โดยเน้นสอนเรื่อง การทำ UTM Tracking ซึ่งปล่อยของ ออกไป อย่างละเอียด และต้องขอบอกว่า หาอ่านไม่ได้ที่ไหน แม้แต่ใน เว็บ Search Monopoly ก็ตาม หากสนใจ โปรดติดตาม ในระบบ The War Room และสมัคร เข้ามาเรียนกันนะครับ

ตอนนี้ ผมขอเขียน ให้ ท่านเจ้าของกิจการ และ SME ที่กำลังอยาก วัด Performance ใน Google Analytics เป็นนั้น มาเรียนรู้การใช้งาน และเข้าใจ Terminology แบบ เข้าใจง่ายๆ เพื่อช่วยเหลือในเรื่อง การวิเคราะห์ Traffic ของเว็บ ในโอกาสต่อไปนะครับ

 

เอาเป็นว่า ใครที่ยังดู Google Analytics ยังไม่เป็นเนี่ย ต้องขอบอกว่า เป็นห่วงมากๆนะครับ แต่ขอเป็นห่วงแบบห่างๆครับ เพราะพวกคุณกำลังจะจมน้ำกันทีละท่านนะครับ ใครที่ไหวตัวทัน มาเริ่มเรียนรู้เลยครับ สมัยนี้ มันวัดกันที่ Quality และ Flow เป็นหลักครับ ทั้ง SEO และทุก Channels อย่าลืม สร้าง Flow Logic ของคุณ ให้แข็งแรงก่อนครับ ก่อนจะไปทำอะไร และอย่ารออยู่เฉยๆครับ Trend มาเร็วไปเร็ว ใครช้าก็ ปิดประตูโรงงานครับ

 

เข้าเรื่อง User กัน !

ก่อนอื่น สำหรับผู้ใช้ Google Analytics ในการ วัด Web Traffic มือใหม่ ที่ยังไม่มี ทักษะ หรือความเชี่ยวชาญ ในเรื่อง Terminology ต่างๆ ที่ Google Analytics Tool เขาใช้นะครับ ผมจะทยอยเขียนบทความเกี่ยวกับ Dimension กับ Metrics ว่ามันต่างกันอย่างไร แต่ตอนนี้ ยังไม่ต้องไปเข้าใจมัน อยากให้ผู้อ่านเรียนรู้ เกี่ยวกับ เรื่อง การใช้ Dimensions และ Metrics ต่างๆ ในหมวดหมู่ของ User นะครับ

อันดับแรก เรื่อง User นั้นสำคัญ เพราะ User คือคน ครับ บ้านใคร ใช้แมวพิมพิ์ อันนี้ ผมไม่อาจวิเคราะห์ การตลาดให้ได้แล้วนะครับ Advance เกินขอบเขตความสามารถของผมแล้ว

ขอกล่าวถึง scope ว่า web users = คน
user เข้ามาในเว็บ 1 คน 1 ครั้ง หมายถึง 1 user และ 1 session
session ก็คือ การเข้ามาของ user กี่ครั้ง

ถ้า Google Analytics Report ว่า

Monday 1 July 2018 = 1 User | 3 Sessions |

นั่นหมายความว่า วันนี้ มีคนเข้าเว็บเรา 1 คน และ นายคนนั้น เข้าเว็บเรา 3 ครั้ง
และในวันเดียวกัน เราก็จะได้ Report อีก Metric นึง คือ Pageviews
ไอ้ Pageview คือจำนวน หน้าที่ เปิดครับ เช่น

Monday 1 July 2018 = 1 User | 3 Sessions | 28 Pageviews

 

หมายถึง อะไรครับ ?

คำตอบ คือ มี คนเข้าเว็บเรา 1 คน และเข้าเว็บเรา ถึง 3 ครั้ง และ ใน 3 ครั้งนั้น มีการเปิดหน้าเว็บเรา รวมแล้ว 28 หน้า

เลขตัวนี้ ให้ความหมายอะไรกับเรา ? ไว้อ่านต่อตอนหน้า จะเขียน เกี่ยวกับ การใช้งาน ของผู้ชมเว็บ อย่างละเอียด
ส่วนตอนที่แล้ว ผมได้เขียน เนื้อหา ที่สอน ในระบบ The War Room ในบทที่เรียกว่า “การดูพฤติกรรม ผู้เข้าชมเว็บ ผ่านทาง Google Analytics – User Explorer” อันนี้ ใช้สอนในคลาส การทำ โฆษณา Google AdWords ให้มีประสิทธิภาพ

 

ีuser dimension และ metrics

มาเข้าเรื่อง สำคัญกันได้แล้วครับ ว่า user แต่ละ ตัว ที่ Google Analytics ใช้นั้น มีความหมายว่าอย่างไรกันบ้าง และผมจะลองใช้การ ดึง ข้อมูลตัวเลขจริงๆ จาก Google Analytics ให้ดูครับ

 

กลุ่มของ Dimension (ต่อไปนี้จะเรียกว่า Dims)

  • ga:userType
  • ga:sessionCount
  • ga:daySinceLastSession
  • ga:daysDefinedValue
  • ga:userBucket

กลุ่ม user ที่อยู่ใน metric  (ต่อไปนี้ขอเรียกว่าแกนวัด)

  • ga:user
  • ga:newUsers
  • ga:percentNewSessions
  • ga:1dayUsers
  • ga:7dayUsers
  • ga:14dayUsers
  • ga:30dayUsers
  • ga:sessionPerUser

 

User Dims ที่ 1 – User Type

User Type คือการวัดค่า ของ จำนวน New User และ จำนวน Return User ที่เข้ามาในเว็บของเรา

เราควรลองดูบ่อยๆ ว่าแต่ละเดือน มีคน return เข้าเว็บเราในอัตตรา กี่ % เทียบกับ เดือนที่ผ่านมา

บางเดือน ที่เราทำ Campaign มากๆเข้า ก็ต้องวิเคราะห์ จากที่ผ่านมาว่า เป็น Campaign ในรูปแบบใด และการสร้าง เนื้อต่างๆ นั้น ได้ commit ให้ user กลับเข้ามาใช้งานหรือไม่ ลองมาดู ตัวเลข เมื่อเรา หยอด แกนวัด ของ Metric ลงไป โดยเอา Search Monopoly เป็นตัวอย่างการวัดค่าดูครับ

เราได้หยอดแกน เพื่อให้ตัวเลขขึ้นมา อย่างเช่น จำนวน user ระหว่าง new user VS return user ว่าเป็นสัดส่วนเท่าไหร่กัน ?

ประเด็นต่อมา ก็หยอดแกนวัด ที่เราอยากรู้ต่างๆ ให้ตัวเลขมาตอบโจทย์ การวัดพฤติกรรมที่เราอยาก ค้นหา ในเว็บของเราเอง

 

อันนี้ เราลอง Fetch Data มาทำ Report โดยใช้ User Type ใน Google Analytics (update ทุกวัน)

Chart – User Type ของ Search Monopoly

ลองนำ Metrics ของกลุ่ม Users มาลงแทน

fig: the session Per User By User Type – Return and New Users
หากลอง Plot กราฟ ให้เป็น การใช้งานของ user เราจะพบว่า Google Analytics สามารถคัดกรอง user ที่เป็น New และ ที่เป็น Return และสามารถวัด Session Per User โดนเอาตัวเลข โดย เฉลี่ย มาหยอดลงใน แกนวัดได้ด้วย ทำให้เรารู้ ระดับ ของ การกลับมาของเว็บของเรา
แต่ผมแนะนำให้ทำ segment เพิ่มเติมครับ ไอ้กราฟนี้ บ่งชี้อะไรไม่ได้เลย ไว้ทำหลอกลูกค้า และ หลอกเจ้านายที่ บริษัท ไปวันๆ ครับ ของดี ต้องมี Deep Insight มากกว่านี้ครับ

ลองทำ วัดค่า โดยหยอด Active Users ลงไปบ้าง

โดยส่วนตัว พอทำออกมาแล้ว ผมชอบกราฟนี้มากๆ เพราะ ทำให้เรา นำมาวัดอัตตรา Conversion Rate กับ traffic ที่เรา สร้าง และ ระยะ เวลาของการ เติบโต ที่เรารู้ว่าเราได้ทำอะไรไปบ้างในปีที่ผ่านมา อันนี้ แนะนำให้ ใช้ควบคู่กับการทำ Analysis Bible ของระบบ “The War Room” แล้วคุณจะพบว่า ชีวิตนั้นสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นทีเดียว

บทสรุป ของ บทความนี้
คุณโปรด พิจารณา เล็กเห็นความสำคัญของการ อ่านค่า Google Analytics ให้เป็น และ ให้เรียนรู้ การใช้งาน Google Analytics อย่างละเอียด จะช่วยทุ่นเวลาการทำงานของคุณได้มาก และ จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเว็บได้อย่างถูกจุด โดยเรานั้นแข่งกับตนเอง ถ้าเราไม่เรียนรู้ หรือไม่ทำอะไรเลย Platform หรือ เว็บของเราที่ Go Online นั้น ไม่สามารถทำตลาดอะไรได้ เพราะเราไม่รู้พฤติกรรม หรือ การเติบโตของเว็บของเรา ต้องไปในทิศทางไหน

หากเรียนรู้ บทความฉบับหน้า จะมีการเขียนถึงการวัด performance ของ Channels และการทำ sale funnels ต่างๆ โดยวัดค่า Effective Ads หรือ ประสิทธิภาพของการทำ โฆษณา ออนไลน์นั่นเอง

การพัฒนาเว็บ เราควรต้องเห็น รูปแบบและทิศทางการเติบโต ทั้งภาพรวมและภาพระเอียด เพื่อให้ภาพละเอียดที่เราทำการ Filter ต่างๆ หรือทำ Segment ต่างๆ จะ reflect หรือ สะท้อน การเติบโตของเว็บเรา ก็เหมือนกับการหัดเลี้ยง อะไรให้มันเติบโต เช่นการปลูกต้นไม้ เราต้องรู้ว่าต้นไม้เราโตด้วยการผสมสูตรปุ๋ยอย่างไรลงไป อันนี้แหละ มันจะรุ่งเรือง

เราจะรู้เทคนิคภายในของเรา ที่คนอื่นไม่รู้ และ วัดประสิทธิภาพ ของ Agency ที่เราได้จัดจ้าง พวกเขาไปนั้น มันได้เรื่องอย่างที่กล่าวอ้างไว้หรือเปล่า
เท่าที่สัมผัสมาแล้วนั้น เราพบว่า เจ้าของกิจการนั้นทำไม่เป็นแล้วไม่มาเรียนรู้ ก็เลยไม่เข้าใจว่า จะทำให้เว็บมีการเติบโตที่ดีนี้ มันจะต้องเกิดจากอะไรกันแน่ ?
มันต้องหาคนมาเข้าเว็บเยอะๆ จริงๆหรือเปล่า ?
หรือการจะขายของ เราต้องการ การทำโฆษณา ที่มีความเกินความจำเป็นไปไหม ?
ลูกค้าจะเข้ามาหาเราได้อย่างไร ?
ลูกค้าซ่อนอยู่ที่ไหน ทำไม ไม่ติดต่อมาหาเรา ?

คำถามพวกนี้ มันจะบอกด้วยตัวเลข และความเชี่ยวชาญของการใช้ตัวเลขของ Google Analytics นั่นเอง

วันนี้ เราให้แค่เรื่องของ การใช้งานใน มิติ ของ User
คราวหน้า จะมี การประยุกต์ การใช้งาน และ user experience ว่าจะต้องดูอย่างไร
หากใคสนใจ ลองติดต่อสอบถาม Search Monopoly เรามีทีมโหดๆ ที่สามารถให้คำปรึกษาคุณได้ทันที

ความเจ๋ง ของ User นั้น ทาง DIKW ได้พัฒนา รายงาน ทางการตลาด ที่จะใช้ในระดับ Real Time ในอนาคตด้วย
ลองดู User Realtime ใน “Real Time Reporting API” ของ Google Analytics Report Help ในกลุ่มของ User

 

การทำ Event Tracking ใน Google Analytics ด้วย Tag Manager

ใครที่ยังทำ Google Analytics Event Tracking ไม่เป็น เดี๋ยวให้ติดต่อสอบถามวิธีการทำ Event Tracking ใน Google Analytics ได้ที่ Fanpage ของ Search Monopoly กันก่อนนะครับ รู้สึกจะ สอบถามมาจำนวนมากๆ แต่รู้สึกยินดีมากๆ ที่ผู้ประกอบการและเจ้าของเว็บไซต์ของเรา เริ่มตื่นตัวกับการเล่น DATA Analytics ในระดับ Event Tracking กันแล้ว

ช่วงนี้ ทำ campaign ที่ specific มากๆ ให้กับลูกค้ารายหนึ่ง และ ได้พัฒนา Tracking Tool ให้กับ Business Partner รายหนึ่ง สำหรับ ทำ Tool มาขายโครงการใหญ่ๆ เพื่อ ลดบทบาทของ Web Reporter เพิ่ม ส่งเสริมสังคม Web Analyst ให้ยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

โจทย์ที่ได้มาพร้อมๆกัน คือเรื่อง การทำ Customs - Variables ให้กับ Event ต่างๆ ที่เราทำการ Track ใน Event Tracking. ใน Google Analytics
คำถามคือ - มันทำอย่างไร ? บทความนี้ อาจไม่ได้บอกละเอียดนะครับ เนื่องจาก มันเป็น Policy เงื่อนไข ความลับทางการค้า หากสนใจ แนะนำให้ลอง เข้ามาศึกษา โดย ซื้อ E-Book เกี่ยวกับ การ Implements งาน เรื่อง Google Analytics Event Tracking by Google Tag Manager Tool. โดย E-Book ฉบับนี้ ขายให้กับคนที่มีพื้นฐาน ระดับกลาง และ ระดับสูง เพื่อเน้นการวิเคราะห์เว็บไซต์ Traffic เชิงลึก (ใครยังมือใหม่ แนะนำให้อ่าน "การเช็ค Traffic ให้เว็บ" ก่อนนะครับ )

แจ้งข่าว ความเคลื่อนไหว

ตอนนี้ กลุ่มธุรกิจ เครือ DIKW กำลังสนใจเข้าร่วมเป็น Joint Venture เพื่อทำ StartUp กับทาง Search Monopoly อยู่ - ซึ่ง ที่มาของพวกเขา ก็มาจาก Wisdom ของการสร้าง DATA ในบทความของ DIKW Pyramid ที่ได้เขียนไว้วันก่อนไม่นานนี้เอง

 

เข้าเรื่อง Tag Manager และ Event Tracking

วัตถุประสงค์ เล็กๆ ของการทำ Event Tracking

หลักการคือการใช้เครื่องมือ (Tools) ของ Google's Product สองตัวมา integrate กันเราจะได้ Solution ที่ดียิ่งขึ้น track กันอย่างมันมือ และ ละเอียดมากๆ ทำงานได้ซับซ้อน และเข้าถึง point เป้าหมายที่เราสนใจจริง คือการใช้งานของ user ที่เราสนใจ - การทำ Tool นี้กับทาง DIKW คือเราพยายาม ดักคอไอ้พวกที่ขาย Page-views หรือพวกคลั่ง Page views ห่วยๆ ที่ไม่มีการชี้วัด Quality Traffic ที่เป็นมาตรฐานของตลาดกันครับ

ตอนนี้มี Case Study ที่น่าสนใจ และได้มาทำเป็นโครงการนำร่องตัวอย่าง ได้ Dev. ที่มากด้วยฝีมือมาช่วย coding งาน track flow อย่างละเอียดนี้ ทำให้เรา Learn solution นี้ได้อย่างรวดเร็ว เราสามารถทำ Test Case ได้จำนวนมาก ไม่จำกัด และเข้าใจ outcomes ที่เกิดขึ้นกับ โครงการของเรา ซึ่งตรงนี้จะเป็นงานที่จับต้องได้ และ ทาง Search Monopoly สามารถพัฒนาโปรไฟล์งาน ที่เป็น Professional เพื่อทำออกขาย Enterprise และ ระดับ Corporate เป็นต้น

การทำ Google Analytics Event Tracking สำคัญอย่างไร ?

สำหรับโครงการนี้ จะเขียนใน เทคนิค เพื่อกลยุทธ์เฉพาะทาง จะไม่นำ Fundamental มาอธิบายนะครับ โปรดติดตาม ฉบับหน้าก็แล้วกัน
คนเข้าเว็บ ใช้ Event tracking วัดค่า

ตัวอย่าง ขอใช้รูป อธิบายครับ
จากการกระทำใดๆ ในการใช้งาน และการพัฒนา แคมเปญ โฆษณา Online หรือ Digital Marketing < โน่น นี่ นั่น > หากเรา กำลังโดนตุ๋น จากพวก นักการตลาด ที่ด้อยคุณภาพ เราจะวัดค่า ด้วยการ ทำ tracking ต่างๆ เพื่อวัด performance ของ Channels และ Elements ของเว็บที่เราให้ความสนใจ

เดี๋ยวนี้ พวก Consideration Stages กับ Awareness เริ่มถูกนำออกมาขายกันแล้วใช่ไหมครับ ?
ลองดูโจทย์นี้สิ - ไอ้ Awareness ที่จับต้องได้ ต้องมีคุณลักษณะ ของ user interactions แบบใดกัน ?
แล้ว Quality Scale อยู่ที่ประมาณไหน ?
Wasted - Garbage ค่าขี้ปากขี้คุย ของพวก Digital Agency อยู่ที่ กี่ %
และอีกอย่าง พวกทำงานใน องค์กรใหญ่ๆ จะมีใครรู้บ้างว่าเราจะจับ Feature หรือ การเติบโตของ Feature ในช่วง Period ที่สำคัญ ได้อย่างไร ?
พวกนี้ใช้ Event Tracking ในการบ่งชี้ และ Monitoring สิ่งที่ commit ไว้แล้วทั้งนั้น

ถ้าไม่มี ก็มืดแปดด้าน ทำอะไรก็ยากอีก
ส่วนใหญ่ เท่าที่ทำงาน กับ บริษัท ไทยๆ พวกนี้จะบ้ากราฟ เฉียงขึ้น พวก Actual Vol. ต่างๆ ซึ่งบอกได้เลยว่า ไร้ประโยชน์ และไม่ได้ช่วยในเรื่องของการพัฒนายอดขายได้ Effectiveness ได้เลย หากวัดกันจริงๆ

มีพวก บ้า ท่อง Apple ทู Apple ซึ่ง บอกได้เลยว่า มั่ว....

ความจำเป็น สำหรับ Event Tracking

บาง Element นั้น track การ action, interaction ของ user ให้นับแบบ Page-views ไม่ได้
เราจึงใช้ Event tracking เข้ามา virtual page-views เพื่อ เข้าใจว่า อาจมีการใช้งาน ในส่วนนั้นๆ และสำคัญในการตรวจวัดอยู่แล้ว

STEP แรก - สร้าง Tag Manager Code Container ก่อน

สำหรับท่านที่ยังไม่เคยใช้ Google Tag Manager หากเป็นการใช้งานครั้งแรก ให้เราทำการสร้าง Tag Container ก่อน

การสร้าง Tag Container ทำให้เรา สามารถ ฝัง Tag manager เพื่อทำการ Track ได้อย่างละเอียด

STEP ที่สอง - ให้สร้าง Tag ที่เราอยากจะทำการ Track คือ Google Analytics Universal

step นี้ คือการ กำหนด เครื่องมือ ซึ่ง แนะนำให้ใช้งาน Google Analytics เพราะ Product นี้ ดีกว่า และใช้งานได้ง่ายกว่า ก็อย่างว่าครับ ยุคนี้ ใช้ Google Analytics กันทั่วบ้านทั่วเมือง บอกให้ใช้ตั้งแต่ก่อตั้งเว็บละ ให้ชาวบ้านสนใจมาใช้ตั้งกะปี 2011 ป่านนี้ ผ่านไปแล้ว 5 ปี (2017) ใครยังไม่ได้ใช้เนี่ย บอกได้เลยว่า เสียเปรียบครับ โดยเฉพาะยิ่งพวก ใช้โฆษณาทางฝั่ง SEM , PPC แล้วยิง Ad เพื่อรอ โทรเรียกเข้า แบบนี้ เจ๊งครับ

STEP 3 - Optional การทำ Auto Event Tracking ใน Tag Manager

สร้าง General Tag ที่มัน ฟัง (Listens) สำหรับ ทุกๆ การ Click Link URL
สร้าง Google Analytics Event Tag ที่มันทำการใช้สำหรับ จับการ Click Link นั้นๆ ให้เป็น Trigger

แล้วก็เอามาผูกติดกัน เราก็ทำการ Test Event Tracking ได้แล้ว

event tracking config 1

ประโยชน์ อย่างอื่น ของการใช้ Google Tag Manager

เราสามารถทำการ Track PDF Download ได้ด้วย

การซ่อน User WordPress Login – วิธีป้องกัน ความปลอดภัยให้กับ เวิร์ดเพรส

*** จาก Search Monopoly ***
ปัญหา เรื่องของ Security เป็นเรื่อง การป้องกันจากภายใน อาจจะไม่ใช่เรื่องของการสร้าง Productivity แต่ว่า ทำให้เรา ป้องกัน การสูญเสีย asset หรือทรัพย์สินที่มีมูลค่า คือ “เว็บของเรา” และ “content ของเรา” ซึ่งทาง Search Monopoly จัดเรื่องของ การพัฒนา security จะอยู่ใน stability หรือฝั่งของ Maintain เพื่อคงมูลค่าของธุรกิจ หรือคงมูลค่า Platform ของเราให้ทำธุรกิจสืบทอดไปได้ครับ

จากใจเลย ว่าน่าเบื่อมากๆ พวกที่เช่า Proxy แล้วมาโจมตี Login หลังบ้าน หรือพวกที่เล่นประตูหลังชาวบ้าน

1. เปลี่ยนชื่อ Admin User ด่วนๆ
2. Admin User ID เปลี่ยนใน Data Base ให้เป็น ตัวเลข ที่ Hacker จับยากขึ้น
3. 2 Step Login Authentication นำเข้ามาใช้งาน

เรื่องของการใช้งาน Two Steps Authentication หรือ Google Authenticator
แนะนำให้ใช้งาน Plugin ชื่อว่า Google Authenticator ของ miniOrange

ผมได้ลองศึกษา การ config อีกแบบนึง เป็นแบบ Advance เพิ่มเติมขึ้นมา ลองหาบทความนี้ใน Google Search Engine ดูนะครับ
“How to Add an Admin User to the WordPress Database via MySQL”

solution นี้ สำหรับ เจ้าของเว็บ ที่เคยมีปัญหาแบบผม คือ พวก Hacker รุมเร้า มันเข้ามารู้ user admin ของเราแล้ว
แล้วเราดันไป ใส่ Plugin ให้มัน rejected login และทำ session expired เอาไว้ ทำให้ “เราเอง” หรือ เจ้าของเว็บจริงๆ ไม่สามารถ เข้ามา Login ได้เอง
เพราะ ระบบเรา ไม่ยอมให้ใคร เข้ามา Login เลย หรือ Lock ตายนั่นเอง
สงสัย Hacker จะมาก่อกวน เพียงแค่ให้ ระบบเราตายๆ ไป ทำอะไรเพิ่มเติมไม่ได้ แบบนี้ เห็นได้ชัดว่า ไอ้พวก Hacker มันอาจจะมองเราว่าเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ แล้วก็ น่าจะใช้ วิธีสกปรกในรูปแบบ Spaming Login ให้ระบบเราพังก็เป็นได้ โดยใช้ผ่านทาง Proxy ต่างๆ จากทั่วโลก ทำให้เราจับมือดมไม่ได้

ลองเข้าไปศึกษา URL: นี้ได้เลยครับ
http://www.wpbeginner.com/wp-tutorials/how-to-add-an-admin-user-to-the-wordpress-database-via-mysql/

Keyword คำค้น ที่ใช้ “how to create an admin user in WordPress Database via MySQL.”

STEP ที่ 1 BACKUP DATABASE ก่อนนะครับ ไปที่ MySQL ครับ
Backup ลง LOCAL DISK นะครับ เก็บไว้ก่อน และต้องมั่นใจว่า DISK คุณ ไม่มี Virus นะครับ ถ้า Upload อีกที มี Virus ติดไป ก็ บ๊ายบายครับ ช่วยไรไม่ได้แล้ว

STEP ที่ 2 ให้เข้าไปที่ MySQL – wp_users และ wp_usermeta tables
อันแรก ดูที่ “wp_users” กันก่อนนะครับ
กด menu ของ mySQL ที่ชื่อว่า “insert”

ID = ตัวเลข 1-999 ให้เลือก เลขที่ Hacker เข้าหาไม่เจอ เช่น 744 , 629 , 447 , อะไรแบบนี้ random ไปเรื่อยๆ เราจะเปลี่ยน ID และ User Admin ทุกๆ 7 วัน
เราจะมี Admin Login ใหม่ ทุกๆ 7 วัน แล้ว ปรับ User อื่น ออกไปเป็น User old อันนี้จะบอกเทคนิคทีหลังนะครับ

งานนี้ เหมือนงาน กำจัด แมลงสาบ ที่เข้ามา ตอมบ้านคุณ ที่น่ารำคาญมากๆ ให้มัน Fade ตัวออกไป …

มีเครื่องมืออะไรบ้าง ในการเช็ค Web Traffic

มีเครื่องมืออะไรบ้าง ในการเช็ค Web Traffic

alexa-web-ranking

1.) Alexa Web Ranking Tool - เป็นเครื่องมือยอดนิยมของนักทำการตลาดออนไลน์ ที่ไว้เช็คมือวางอันดับเว็บของตนเอง ว่าอยู่อันดับที่เท่าไหร่ ของโลก และอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ ของประเทศ เช่นประเทศไทย อย่างเว็บดังๆ อย่าง Sanook จะอยู่อันดับต้นๆ ของการจัดอันดับใน Alexa

ถามว่า การทำเว็บไซต์ ควรมี Alexa Rank อยู่ที่เท่าไหร่ ? -- มีหลายๆท่านใน ThaiSEOBoard แนะนำว่าควรอยู่ที่ 100,000 ขึ้นมา (หมายถึง อันดับน้อยกว่า 100,000) เช่น 45,000 นั่นหมายถึง เว็บเรามี Traffic ที่สูงมากเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ที่มี Rank Alexa จำนวนมากๆ เช่น 8,000,000 เป็นต้น

ทัศนะของ Search Monopoly - สำหรับเว็บที่ทำ Organic Traffic ได้อย่างดี ควรมีอันดับอยู่ที่ราวๆ 400,000 - 2,000,000 เป็นค่าประมาณการจากประสบการณ์ตรง และพยายามทำอันดับให้เหนือกว่า 400,000 ขึ้นมา จนมาถึง 100,000 ทีนี้เราจะพอมี ROI ที่เจียดนำมาใช้พัฒนาเว็บให้เป็นระบบใหญ่กว่าและ เสถียรกว่า

 

google-search-console-web-traffic

2.) Google Search Console (Google Webmaster Tool) - เป็นเครื่องมือยอดนิยมสายการทำ SEO แบบ Manual. Google Search Console สามารถวัดค่า Organic และการเติบโตของ Organic Traffic ทาง Google Search Result Page (SERP) ได้อย่างค่อนข้างแม่นยำ อีกทั้งยังมี API ที่ใช้ประยุกต์กับเครื่องมือให้มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้นไปอีก - - สำหรับผู้ประกอบการ SME ที่กำลังศึกษาทางด้านการทำ Organic Traffic หรือ SEO และเรียน Online Marketing กับ Search Monopoly ท่านควรได้รับการเรียนรู้เรื่องการใช้งาน Google Search Console ไว้เป็นอย่างดี เพราะเป็นเครื่องมือสามัญประจำคนทำการตลาดออนไลน์ ที่มีเว็บไซต์ในการพัฒนาอับดับและการทำ Traffic อีกทั้งยังเป็น Monitoring Tool พื้นฐานสุดๆที่ทำให้เว็บเรามีคุณภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

 

similar-web-traffic

3.) SimilarWeb - เป็นเครื่องมือยอดนิยมของนักการตลาดออนไลน์สาย Digital Marketing ที่ต้องการบุกตลาด และเน้นการแข่งขันที่สูง เครื่องมืออันนี้ ทำให้เราทำ BenchMark Report สำหรับการวิเคราะห์ Traffic ของคู่แข่งได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย การใช้งานไม่ยาก แถมตัวรายงาน (Dashboard) เหมาะกับการทำงานส่งให้แก่นักบริหาร และเหมาะกับสายงานบริการและการตลาดเป็นอย่างยิ่ง สำหรับราคาตัว Pro. ก็ราคาย่อมเยาว์ สำหรับบริษัท อันนี้ไม่แนะนำให้ SME นำไปใช้ เพราะเท่าที่สัมผัส SME เป็นงานที่แข่งกันตนเองมากกว่า ไปแข่งกับคนอื่น

 

google-analytics-traffic-monitoring

4.) Google Analytics - เป็น Tool ที่ผมชอบมากที่สุด เพราะมัน Monitoring ได้อย่างละเอียด สำหรับวัด traffic ที่เกิดขึ้นในเว็บของเรา อีกทั้งยังเข้าใน พฤติกรรมของผู้ใช้งานเว็บว่าเขาชอบเข้ามาดูอะไรและต้องพัฒนาต่อไปทางด้านไหน และมันตอบสนองกับการพัฒนาการทำอันดับ Ranking Signal ได้เป็นอย่างดี ผู้ประกอบการ SME และ นักพัฒนาธุรกิจ และจัดทำเนื้อหาให้กับไซต์ ที่มีแผนพัฒนาเว็บตามการวัดผลเชิงประสิทธิผลจาก Google Analytics จะสามารถสร้างการเติบโตของธุรกิจของคุณได้ดีเยี่ยม ควรมาเรียนรู้ที่ Search Monopoly เรามีเครือข่ายนักธุรกิจ ที่เอาจริงเอาจังกับการพัฒนาเว็บไซต์อย่างมีคุณภาพ และมีการเติบโตสูง

 

Similarweb คืออะไร และ การใช้งาน tool ตัวนี้อย่างละเอียด

ตัวอย่างการใช้งาน SimilarWeb Tool ในการเช็ค Traffic

Overview dashboard - similarweb Tool แสดง Global Traffic

การวัดค่าอันแรก โดยทางเราได้นำเว็บชื่อดังอย่าง Expedia ที่เป็นเว็บเกี่ยวกับการจองโรงแรม ห้องพัก การโรงแรมเป็นหลัก

DashBoard แรกจะเป็น Overview ที่วัดการจัดอันดับจาก SimilarWeb โดย Expedia ทำได้ดี เป็นมือวางอันดับโลกที่ 25,571 แต่เห็นเครื่องหมายลูกศรสีแดงนั่น หมายถึง มือวางอันดับตกลง ทั้งแบบ Global และแบบ Local (Thailand) ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงเราจำเป็นต้องดันอันดับให้สูงขึ้น หากเราอยู่ใน Range ที่เราพอใจแล้ว งาน Optimize Traffic และ Usability เป็นเรื่องที่สำคัญกว่าการปั้นแต่ยอดจำนวนผู้เข้าชม เพราะสมัยนี้การ Keep Usages นั้นเป็นเรื่องที่ยากกว่า

 

 

 

เช็ค-web-traffic-เบื้องต้น2.jpg

 

 

เว็บไซต์ควรมี Traffic และ Expedia ที่ทำเงินล้านได้ เพราะ Traffic ไม่เกี่ยวกับหน้าตาเว็บที่สวยงามแต่อย่างใด – ผู้ประกอบการ SME มักมัวแต่หลงทาง คิดว่าทำเว็บสวยๆ ก็จะทำเงินล้านได้ อันนี้คือการคิดแบบผิดๆ การทำธุรกิจออนไลน์ คือการเรื่องการพัฒนาคุณภาพของ Traffic ไม่ใช่เรื่องของการทำเว็ยสวยๆ แล้วก็เอาไปเก็บไว้ภูมิใจหรืออวดคนใกล้ตัว

 

หากไม่มีแผนการพัฒนาที่ชัดเจน — นั่นหมายความว่าตัวคุณ เจ้าของธุรกิจ หรือไม่ก็หัวหน้าทางฝ่ายการตลาด กำลัง เป็นตัวที่ทำให้ธุรกิจของคุณเจ๊งได้ เพราะไม่ได้มีแผนและความรู้ที่จะสามารถไปพัฒนาธุรกิจให้ได้ยอดขายและการเติบโตตามเหตุผลของการกระทำต่างๆ ที่ควรวางแผนในเชิงกลยุทธ์เอาไว้

 

หากคุณไม่เข้าใจพฤติกรรมของ User และไม่ได้วัดผลจริงจังและไม่เคยได้ตรวจสอบคู่แข่งทางโลกออนไลน์ของคุณ ทางเราขอแนะนำว่า อย่ามีเว็บไซต์เลยเสียดีกว่า กลับไปแจกนามบัตรหรือแจกใบปลิวเหมือนเดิมจะดีที่สุด

 

 

เช็ค-web-traffic-เบื้องต้น3.jpg

เว็บ Expedia ที่จดด้วยโดเมน .co.th ได้ทำการ Target ในประเทศไทย และมี traffic จากประเทศไทย มากกว่า 96% นั่นคือความสำเร็จของเว็บไซต์ ที่มีคนใช้งานอย่างแพร่หลาย และสม่ำเสมออีกด้วย

เช็ค-web-traffic-เบื้องต้น4.jpg

เรื่องที่สำคัญที่สุด คือการวิเคราะห์ Channel ของคนเข้าเว็บ การพัฒนา ธุรกิจออนไลน์ที่ดี ควรพัฒนาโดยหวังผลทางด้าน Organic Traffic เป็นเรื่องสำคัญ อีกทั้งหากต้องการปั้น Brand ของตนเองให้ติดตลาด จะต้องอาศัย Brand Search Keyword และ การทำ Direct Traffic เข้ามาปริมาณมากๆ นั่นคือการสะท้อนให้เราเห็นว่า users ได้เข้ามาที่เว็บไซต์เราตรงๆ และจดจำเว็บของเราได้

 

อันนี้ทาง Search Monopoly ได้เรียกเทคนิคนี้ว่า “เทคนิค 3 ประสาน” ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการพัฒนาเว็บ Traffic นั่นคือ การจะมี Organic Traffic ที่ดีได้ เราจำเป็นต้องมี Referral Traffic จากแหล่งต่างๆ ในปริมาณที่มากพอที่จะทำอันดับ และการได้ Referral traffic จำนวนมากๆ นั่นหมายถึงการได้ Backlink ที่ทำอย่างธรรมชาติและมีมูลค่าจริงๆ ที่จะนำมาทำอันดับ อันนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใจเลยว่าทำไม การทำ SEO แบบการสร้าง Backlink เสมือน หรือการทำ PBN นั้นทำไม่ได้ เพราะเว็บส่วนใหญ่ จะเป็น Web ที่ทำ Text Spam ขึ้นมาและไม่ได้มี Traffic ที่มีมูลค่าจริงๆ หาได้ตามเว็บที่รับทำ SEO ที่เน้นการทำอันดับแบบ Keyword เป็นหลัก เว็บเหล่านี้ก็จะทำให้ธุรกิจของคุณเสี่ยงเช่นเดียวกัน

 

เรื่องสามประสานเป็นงานใหญ่ที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก การทำ SEO ให้อันดับติดแบบแน่นๆ ดีๆ คือการทำโฆษณา ลงบทความในเว็บที่เกี่ยวข้องกับเว็บของเราเป็นหลักและเฟ้นหา Target Audience หรือ Target Users ที่อาจจะสนใจ สินค้าหรือบริการของเราจริงๆ ซึ่งการทำ SEO แบบนี้อาจจะมีต้นทุนที่แพงกว่า แต่เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการการพัฒนาธุรกิจของตนเองให้แข็งแรงและยั่งยืน โดยไม่ย่ำอยู่กับที่ด้วยอันดับของ Keyword ชุดเดิมๆ แต่ควรถูกเติมเต็มด้วยความหลากหลายของการค้นหา โดยใช้กลยุทธ์ทางด้าน Content marketing เข้ามาเป็นองค์ประกอบหลักที่สำคัญในงานพัฒนาเว็บ

 

ส่วนเรื่อง Social Media ควรเป็นเรื่องรองๆลงไป เพราะการทำให้เว็บนั้นติดตลาด เราต้อง Concern ในเรื่องของการทำ site authority เป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก และเป้าหมายเพื่อการค้นหาพบใน Google เพื่อให้สินค้าและบริการของเราเป็นที่รู้จักอย่างสม่ำเสมอ เมื่อมีการค้นหา ก็จะค้นพบอยู่บ่อยๆ

 

การที่เราเน้นทำ Ads โฆษณา ก็คือการฆ่าตัวตายให้กับธุรกิจของเราอีกทางหนึ่งเลยทีเดียว เพราะเราจะไม่สามารถค้นพบช่องทางที่สร้าง Traffic คุณภาพ และเราจะไม่ค้นพบผู้ที่ต้องการเรียนรู้และเลือกสรรในสินค้าและบริการของธุรกิจของเราจริงๆ ซึ่งการพัฒนาเว็บจะต้องระวังเรื่องการโฆษณาที่เกินตัว และไม่ก่อให้เกิด ROI และไม่มีการเติบโตในระยะยาว

 

ทั้งนี้การพัฒนาเว็บไซต์อย่างยั่งยืน ระบบของเราจะโตไปทุกทิศทุกทาง เรื่องของการปั้น ชื่อ Brand ของเรา อาจใช้ Social Media มาเป็นตัวช่วยในการขับเคลื่อน แต่ไม่ควรนำมาเป็นเครื่องมือในการสร้างยอดขายอย่างถาวร เพราะเรื่องของ Trand Coverage ที่จะส่ง Impact มาที่ Brand Value นั้นมีปัญจัยที่ละเอียดอ่อน โดยเฉพาะเรื่องของ Site Visibility ที่ต้องมุ่งเน้นเป็นองค์ประกอบสำคัญกว่า

เช็ค-web-traffic-เบื้องต้น5.jpg

 

เราควรเข้ามาเช็คสม่ำเสมอในเรื่องของ Performance ช่องทางจาก Referral Traffic เพื่อดูว่าคนเข้าชมมาจากเว็บไซต์ใดที่ให้ความสนใจในบทความที่เราได้ลงหรือไปโปรโมตเอาไว้ อยู่ทุกๆวันหรือรายสัปดาห์ การที่ได้ช่องทางการทำ Referral เพิ่มที่ดีมีคุณภาพจะทำให้เว็บของเราทำอับดับได้ดียิ่งขึ้นไปอีกด้วย การทำอย่างสม่ำเสมอ ด้วยเทคนิคเชิงคุณภาพ บวกกับการพัฒนาการทำอันดับของการเขียนเนื้อหาบทความ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา จะยิ่งส่งเสริมให้เว็บเรา ถูกการใช้งานมาจากทุกทิศทุกทางและมีมูลค่าที่สูงยิ่งๆขึ้นไป

 

 

เช็ค-web-traffic-เบื้องต้น6.jpg

เรื่องของ Organic Traffic เราต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก อย่างเว็บ Expedia นี้มีการค้นหาทาง Search Engine สูงถึง 23% ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่าเว็บมีความต้องการในการใช้งานสูง ค้นหาพบและจำเป็นสำหรับผู้ใช้งาน และมันทำให้เราสามารถ Research DATA ที่เข้ามาทาง Organic Traffic นำมาทำ Content ได้อย่างต่อเนื่อง และมีการเติบโตขยายตลาดได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ตามกำลังแรงของทีมเรา ที่จะพัฒนาเนื้อหาลงเว็บและทำการโปรโมตเว็บผ่านทางช่องทาง Referral ต่างๆ นั่นเอง

 

ดูที่ Paid Search เป็นสัดส่วนเพียงแค่ 17.5% จากช่องทางการ Search เป็นตัวบ่งชี้ว่าการทำ SEO เพื่อให้ติดอันดับทางด้าน Organic จะทำให้เว็บเรามีประสิทธิภาพทางการตลาดมากกว่าการทำ Paid หรือ PPC เพียงอย่างเดียว การบริหารจัดการงบทางการตลาดนั้นสำคัญมากๆ เราไม่ควรพึ่งพา PPC มากจนเกินไปหากเว็บคุณมีแต่การโฆษณาทาง PPC เพื่อหวังผลให้ได้ยอดขายนั้น — อนาคตของเว็บคุณก็จะดับสูญสลาย และธุรกิจก็ล่มกระจาย ไม่มีวันกู่ได้กลับมาอีกด้วย

เช็ค-web-traffic-เบื้องต้น7.jpg

อย่างที่กล่าวไว้ Social ไว้ทำปฏิสัมพันธ์กับฐานลูกค้าและทำให้เว็บเรามีตัวตนมีเรื่องราวมากยิ่งขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ใช้งาน Internet แต่นั่นไม่ใช่ช่องทาง ทางการค้าหลัก เพราะเว็บไซต์ หรือธุรกิจออนไลน์ ต้องการพัฒนา ช่องทาง สามประสานหลักๆก่อนที่จะมามุ่งเน้นในเรื่องของการสร้าง Brand เพราะถ้าเว็บคุณไม่มีการติดอันดับ และไม่ได้มี Traffic อย่างจริงจัง ไม่รู้เรื่องของ User Behavior นั่นก็ทำให้ brand ของคุณไม่ได้เป็นที่จดจำ และไม่ได้มีการ Return เข้ามาในเชิงของ Business Value ที่สามารถวัดผลได้

เช็ค-web-traffic-เบื้องต้น8.jpg

Display เป็นเรื่องที่ทำให้ Brand ของเราถูกผ่านสายตาผู้ชมได้อย่างรวดเร็ว แต่เราต้องรู้ว่า สิ่งที่ควรถูกผ่านสายตา ควรมี Meaning หรือความหมายในใจของผู้ที่มองเห็นอยู่ก่อนแล้ว การผ่านสายตาด้วย Display เป็นเรื่องของการส่งข้อความให้ตระหนักสั้นๆ อย่างจับใจ เพื่อการกันลืม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้าง โปรโมชั่นเพื่อการลดราคาหรือมีข้อเสนอ Offer ที่ใหม่ๆ น่าตื่นใจ

 

แต่หากเว็บคุณยังไม่มี User ที่เข้ามาใช้งาน ยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการใช้งานเว็บของคุณ การทำ Display Ads เยอะๆ ที่มีแต่ เสียเวลาเปล่า.

เช็ค-web-traffic-เบื้องต้น9.jpg

เครื่องมือ SimilarWeb มีอีกช่วงนึงที่คุณสามารถนำไปวิเคราะห์ได้อย่างรวดเร็วว่าเว็บเรานั้นเข้าข่ายเป็นเว็บที่ดูคล้ายๆกับเว็บใดในเรื่องของ Traffic และคุณภาพ Traffic ทีเราได้รับ นั่นจะยิ่งช่วยให้คุณ เข้าไปศึกษาอย่างละเอียดเพื่อมองหาชุดแข็งและจุดอ่อนให้กับโครงสร้างเว็บ และเนื้อหาในเว็บของคุณ อีกทั้งเราต้องกลับมาที่แผนพัฒนาธุรกิจของเราว่าสมควรที่จะเพิ่มเติมหรือ Utillize ในจุดใดเพื่อให้เกิดยอดขายที่ดีกว่าคู่แข่งและหา Innovation ใหม่ๆ ที่คู่แข่งของเรา เดินตามได้ยาก เพื่อเพิ่มจุดแข็งที่เรามีแล้วให้โดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีก และมันจะกลายมาเป็นแผนการพัฒนาการตลาดออนไลฯืได้ในอนาคตต่อๆไป

การติดตั้ง Google Analytics ลงใน WordPress แบบ Basic

หลังจากที่ได้พัฒนาเนื้อหา E-Book สำหรับผู้ใช้งาน WordPress ที่จะทำ Google Analytics แบบ Advance เพื่อเน้นการเพิ่มยอดขาย ในคราวก่อนหน้านี้
วันนี้ผมได้เพิ่มเติม E-Book สุด Basic สำหรับ SME หรือ มือใหม่ในวงการ Online Marketing ที่กำลังทำ WordPress ได้เรียนรู้การ ติดตั้ง Google Analytics แบบพื้นฐานกันครับ

หลังจากที่ได้ทำเว็บให้ลูกค้า ที่เป็นเว็บยุคสุดยอดรุ่นโบราณ ให้กลายเป็นน้องใหม่ ด้วย WordPress CMS ตามภาพที่เห็นนะครับ

home page wordPress CMS
เว็บ WorsPress เพิ่มทำเสร็จใหม่ๆ

STEP ที่ 1 การสมัคร เพื่อใช้งาน Google Analytics

เข้าไปที่ Google Analytics ก่อน คลิก ที่ URL นี้เลยครับ > https://www.google.com/analytics/

เมื่อคุณเข้าไปแล้ว จะเห็น หน้า Landing page หรือ Homepage ของ Google Analytics เลยครับ ตามรูปนี้เลย
Google analytics homepage

 

การ sign in บัญชี google analytics

จากนั้นให้ท่าน กด คลิก ที่ Sign in เพื่อทำการเข้าสู่ บัญชี Google Analytics ก่อนนะครับ 

การเข้าสู่ Google analytics tool

ทำการกด เลือก Product บนสุด จะเขียนว่า "Analytics"

หลังจากเข้าไปสมัคร บัญชี Google Account แล้ว หรือ ท่านที่มี Login แล้ว ก็สามารถเข้าไปใช้งาน Google Analytics Tool ได้ทันที

STEP ที่ 2 การสมัคร เพื่อใช้งาน Google Analytics

เข้าไปที่ Google Analytics ก่อน คลิก ที่ URL นี้เลยครับ > https://www.google.com/analytics/

เมื่อคุณเข้าไปแล้ว จะเห็น หน้า Landing page หรือ Homepage ของ Google Analytics เลยครับ ตามรูปนี้เลย
Google analytics homepage

หลังจากเข้าไปสมัคร บัญชี Google Account แล้ว หรือ ท่านที่มี Login แล้ว ก็สามารถเข้าไปใช้งาน Google Analytics Tool ได้ทันที

Google analytics solution blog

ก่อนอื่น Google Analytics ในปี 2017 นี้ ได้มีการปรับเปลี่ยน UI ใหม่แล้ว ทำให้อ่านค่า ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
อยากให้ลองไปศึกษา และ ติดตามข่าว Google Analytics Official Site ของ Google ได้เองเลยนะครับที่ URL นี้เลย > https://analytics.googleblog.com/2017/04/effortless-analytics-new-google.html

การติดตั้ง page goal value ใน Google analytics

การทำ Backlink – หา ลิงค์ เพื่อการทำ อันดับ SEO

Do Backlinks Still Matter for SEO (2017) ?

ถ้าให้ Search Monopoly กล่าว บอกตรงๆ ว่า สำคัญมากกว่าปีที่ผ่านๆมาอีกครับ

คนที่พัฒนา โครงสร้าง และ ความแข็งแรงของ Backlink ยิ่งช้าเท่าไหร่ คุณยิ่ง เพิ่มต้นทุน ให้แก่ธุรกิจของตนเองในอนาคตมากขึ้นเท่านั้น

ตอนนี้ SEO Rate ในไทย จากแต่ก่อน สมัยสัก 10 ปีที่แล้ว ตกเดือนละ 1,900 บาท - 2,500 บาท

สมัยนี้ ค่าดูแล SEO สายคุรภาพ ก็ราวๆ ที่ 20,000 บาทแล้วครับ บวกค่า Backlink ที่จมลงไปอีก
บอกตรงๆ ว่า ปี 2017 ค่า SEO + Backlink ก็ราวๆ 60,000 บาทแล้วครับ

ประมาณการคร่าวๆ - คนทำ Backlink ตอนนี้ ประหยัดได้ 250,000 ต่อเดือน ในอีก 10 ปีข้างหน้า

อย่ารีรอ ที่จะหาวิธีการทำ Backlink เพื่อการจัดอันดับ SEO ครับ และทำมันอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด 

บทความนี้ ใครคิดว่าผม นั่งเทียน เขียนขึ้นมาเอง ให้ไปค้นหา และศึกษา จากบทความใน Google นะครับ
แปลเอาเองครับ : Do Back links Still Matter ?

seo authority backlink checkers

ให้ดูภาพ โดยให้ เว็บ โดเมน "SearchMonopoly.com" เช็คด้วยตนเอง เราก็พบว่า Moz Tool Checker นั้น ให้คะแนนรายงานกลับมาครับ
ซึ่งผมคาดเดาของตนเองในปีนี้ (2017) ไว้ต่ำมากๆ ไม่น่าเกิน 30
คะแนน DA ตอนนี้ผมได้ 26 / 100 ซึ่งบอกได้เลยว่าไม่กลัว ตัวใหญ่ครับ
ผมเองมีเครื่องมือที่ตรวจสอบได้ลึกละเอียดกว่านี้ ให้เครื่องมือสาย Onpage เข้ามาช่วย
เรื่อง Domain Authority ยังเป็นปัจจัยรองๆ ที่เราสามารถประคองได้อยู่ครับ แต่แท้จริงแล้ว ลองอ่าน บทความเกี่ยวกับ ความสำคัญของค่า DA ในศาสตร์ของการทำ SEO ดูครับ แล้วคุณจะเข้าใจเรื่องการทำอันดับทาง Organic Traffic มากยิ่งขึ้น

มีเว็บบางแห่ง มาบอกผู้อ่านว่า Backlink ถูกลดความสำคัญ สำหรับการทำ SEO - ซึ่ง ทาง Search Monopoly ต้องขอ สรุปอย่างรวดเร็วเลยว่า ไม่จริงครับ

ทำไม หลายๆ สำนัก เชื่อว่า Backlink มีผลกับการทำ อันดับ ทาง SEO น้อยลง ?

คำตอบคือ - คนทำเว็บ หา Backlink เองไม่ได้ต่างหากครับ และ แหล่งทำเว็บ Authority ในไทย ต่างทำแบบ ไม่มีรูปแบบ ที่แข็งแรงมากพอ

พูดง่ายๆ คือ การทำ Backlink ทำได้ยากขึ้นเรื่อยๆครับ ยิ่งนานวัน โอกาส การทำ Backlink ยิ่งแคบลง

คนที่เริ่มทำ Backlink ในวันนี้ จะไปสู้ คนที่ทำ Backlink เมื่อ 5 ปีที่แล้ว อย่างไรครับ ?

PBN คืออะไร ? – ทำแล้วเสี่ยงไหม ? | เทคนิค SEO สายดำ เทา

ยังไม่ได้มีแผนเขียนเรื่อง การทำ PBN ให้กับ งาน SEO เสียสักเท่าไหร่ เพราะ มองว่าไม่ค่อยมีความจำเป็น แต่เห็นว่า มีคนหลายคน ยังหลงทางไปทำ Private Network Blog ในแบบ Spam กันอยู่ เพื่อเอาการจัดอันดับทาง Search Engine (Google) กันแบบง่ายๆ และสะดวกรวดเร็ว

ผมเห็น พวก บริษัท รับทำ SEO ที่อยู่อันดับต้นๆ ใน Google Search Engine นิยม เอาระบบ PBN มาปล่อยขาย แล้วระบบ เน็ตเสิร์คส่วนตัว ก็มักใช้ เครื่องมือ Spin Text จำนวนมากๆ เพื่อผลิต Text Input อันรวดเร็ว เป็นแนวทางการ Manipulate Google ให้เข้าใจว่า พวก Aged Domain ที่เราประมูลมานั้น มันมีการเติบโตของการพัฒนา Content นั้นๆ จริงๆ แต่เมื่อ เราได้เข้าไปดู เนื้อหา หรือการจัดอันดับของ PBN เหล่านั้น ก็ไม่ได้ก่อให้เกิด ประโยชน์อันใด และมันไม่ได้ส่งผลดีต่อการทำอันดับ ได้อย่างเป็นรูปธรรม คือ ที่ผมเห็น มันก็แค่ แกว่งขึ้นมาสูงๆ แล้วก็ร่วงลงไปอย่างรวดเร็ว

ก็เลยแปลกใจ ทำไม ยังมีคนนิยมไปใช้งาน SEO ราคาถูก และ นิยมการทำ PBN กันอยู่
สังเกตว่า พวกที่ไปใช้บริการ รับทำ SEO ราคาถูก หรือไปเช้า Network PBN เหล่านี้ มักจะเป็น พวกเปิดเว็บฉาบฉวย ไม่ได้ปั้นธุรกิจจริงจัง พวกนี้ มาแล้วก็ดับไปอย่างรวดเร็ว
พูดง่ายๆ คนกลุ่มนี้ มี 2ประเภท
1. รู้อยู่แก่ใจว่ามาหลอก Google และต้องการ เครือข่าย Spam แบบนี้อยู่แล้ว เพราะสินค้า ไม่ได้ยั่งยืน
2. พวก ไม่รู้จริงๆ คือ ฉลาด ไม่เท่าทันเกมส์ คนกลุ่มนี้น่าสงสารครับ ธุรกิจอาจดีแล้ว แต่ดันแหย่เท้าลงไปในระบบ Spam Backlink

SEO สมัยนี้ไม่ได้ทำง่ายแล้วครับ ถ้าไม่ได้ทำเชิงคุณภาพ ก็อย่าหวังว่าจะติดอันดับใน Google ได้ในระยะยาวครับ

Class The War Room Lecture #29 – 15 July 2017

สวัสดีครับ สมาชิก The War Room
Class The War Room (Lecture ที่ 29) ประจำวันที่ 15 July 2017
เข้าสู่ สัปดาห์ที่ 29 แล้ว สำหรับ ระบบ The War Room คอร์ส อบรมการทำ การตลาดออนไลน์ Google AdWords หรือ PPC ที่ทุกคน สนใจศึกษา
Search Monopoly สร้าง กิจกรรม Class Room นี้ขึ้นฟรี สำหรับสร้าง เครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ เราพยายามช่วยเหลือ ผู้ประกอบการ SME ให้เรียนรู้ หลักการทำ Google AdWords อย่างมืออาชีพ ไม่ใช่เพียงแต่ เรียนทำ AdWords แบบ งูๆปลาๆ หรือมาสอน ทำการ Set Up Campaign อย่างเดียวครับ

เนื้อหา ของระบบ The War Room จะเข้มข้นมากๆ โดย Base จากการพัฒนา เว็บไซต์ โดยใช้ Platform ของ WordPress เป็นหลัก
เราเลือก WordPress มาทำ เพื่อการ Custom Page ได้ง่าย และทำให้เว็บ ติดอันดับได้ดี และรวดเร็ว อีกทั้ง ประหยัดต้นทุนได้มากๆ

เรื่องรายละเอียดเพิ่มเติม ท่านโปรดเข้าไปดู หลักการ ของ Class ระบบ The War Room ของ Search Monopoly ครับ

เล่าเรื่อง ว่า วันนี้ ไปดูแลเว็บ ให้ลูกค้า รายหนึ่ง ที่ใช้ WordPress เหมือนกัน และมีการทำอันดับที่ดีเยี่ยม เว็บไซต์ มีการเติบโตที่สูงมาก (มีการทำ SEO และ พัฒนา การเติบโต ของ Organic Traffic เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง)

ตอนนี้ เจอโจทย์ ที่น่าเรียนรู้ใหม่ คือเรื่องของการพัฒนา Sale Funnel ซึ่งจะวิเคราะห์มาจาก Google Analytics
จากการทำ PPC Campaign ของ ลูกค้ารายนี้ เราพบว่า ยังมีปัญหาติดขัดในเรื่องของการปิดการขาย ผ่านทางบัตรเครดิต ซึ่งบอกได้เลยว่าเป็นปัญหา ที่แก้ไขยาก เนื่องเพราะ ระบบ WooCommerce นั้นไม่ค่อย ตอบสนองการซื้อสินค้าของคนไทย ได้อย่างราบรื่น นั่นคืออีกหนึ่งตัวอย่าง ที่เราต้องให้ความสำคัญในการ Monitor และ วิเคราะห์ปัญหา ที่ฝังอยู่ในระบบ ที่ซ่อนอยู่ เรื่องของ การขายของออนไลน์ ไม่ใช่ เพียงแค่การคิดรังหาแต่เรื่อง โฆษณา และ การตลาดเท่านั้น แต่เรื่อง การพัฒนาเว็บ ก็เป็นเรื่อง ที่ผู้ประกอบการ ต้องเอาใจใส่ และพัฒนามันอย่างต่อเนื่องครับ

ลองถามพวก SME เอง พวกเขาก็ไม่ค่อยรู้นะว่าทำไม ยอดขายทาง ออนไลน์ มันจึงหายๆ ไป เรามักจะโทษว่า เศรษฐกิจไม่ดี ซบเซา — อันที่จริงแล้ว เรามัวแต่โทษแต่ปัจจัยภายนอก และไม่ได้มองให้เห็นปัญหาที่เกิดจากปัจจัยภายใน

เรามองหาไม่เป็นเองแหละครับ ว่าปัญหาจากปัจจัยภายใน เกิดขึ้นที่ตรงไหน ?? ทำไมการใช้งานของ User ไม่ดีบ้าง ? ไม่ดีที่ไหน ? พวกเรามักหาคำตอบไม่เจอ และไม่รู้จะพัฒนาธุรกิจทาง ช่องทาง ออนไลน์อย่างไร

ทีนี้ ระบบ The War Room ก็จะนำเรื่องนี้มาสอนเช่นกัน

The War Room สอนจากการทำงานจริง จากประสบการณ์ การทำเว็บจริงๆ ไม่ได้มา กีอปจากใน เน็ตครับ
เรามักเห็น หนังสือตามร้านหนังสือ ที่พวก No Name เขียน ซึ่งส่วนใหญ่ มีแต่พวกที่ ขายแนวคิด
การขายแนวคิดมันง่ายนิดเดียวครับ แค่ ก๊อปเนื้อหา มา Re-Write ใหม่ ลงในหน้าแผ่นกระดาษ A-4 และส่งสำนักพิมพิ์ แต่ความรู้เหล่านี้ ไม่ได้ แก้ไขปัญหา สำหรับธุรกิจของท่านได้ดีเลย หากไม่มีประสบการณ์ การทำการตลาดออนไลน์ และไม่ได้ อดหลับอดนอน เพื่อลองนู่น ลองนี่จริงจัง ท่านก็แทบไม่ได้อะไรเลย และเสียเวลาไปเรื่อยๆ อย่างเปล่าประโยชน์

แนะนำให้เข้ามาเรียนรู้ อย่างถ่องแท้ ที่ระบบ The War Room
Online Marketing ใช้เวลาปั้นนานมาก กว่าที่เราจะได้ แต่ละ Flow ที่ใช้ประโยชน์ได้จริง .

จาก Class Room ในคราวที่แล้ว : Class #28 – เตรียมการสอบ โฆษณา Search เพื่อใบ Certificate อันนี้ ผมต้องยอมรับว่า เวลากระชั้นและยังทำได้ไม่สมบูรณ์นัก แต่จะตั้งใจทำเฉลยข้อสอบ พร้อมการคิดวิเคราะห์ เนื้อหาของข้อสอบไปด้วยครับ SME ที่มาเรียนกับผม จะได้ใน Google Certificate ด้วยครับ รับรองว่า เก่งกว่าพวกรับทำ AdWords จากพวก เอเย่นเป็นไหนๆ แล้วทำให้ผู้ประกอบการ สามารถเลือกใช้งาน Google AdWords Agency ที่มีคุณภาพได้ในอนาคต คุณจะรู้เท่าทันพวกเขามากขึ้นครับ หรือจะได้ด้วยตนเองก็ยังได้ สำหรับกิจการ ที่ดูแลแบบเล็กๆ มีความคล่องตัวสูง ก็ไม่จำเป็นต้องไปจ้างใครทำ Google AdWords เลยครับ ทำเอง ได้ง่าย และ ไวกว่า เพียงแต่ คุณต้องมาเรียน ในระบบ The War Room กันนะครับ

 

สำหรับ The War Room คลาส ที่จะถึงนี้ ผมจะ แจ้งให้ทราบว่า เราจะกลับมาที่ประเด็นการทำ Landing Page จาก Class บทเรียนแรกเลย อันนี้ จะมาลงลึก Detail เชิงลึกแล้วครับ และเน้น UX (User Experience) และการวาง Flow เป้นสำคัญ การทำ Landing Page อย่างไร จึงจะปิดการขาย

 

พร้อมทั้งวิเคราะห์ แผนการดำเนินงาน ต่อๆไป เพื่อให้ได้ Rate ของการทำยอดขายที่ดีขึ้น หรือเราเรียกว่า Conversion Optimization ซึ่งเป็นงานหลักๆที่ผมถนัดยิ่งนักครับ

(1) – เฉลย Dustin Wants to write a Great Text ad – ทำอย่างไรให้ได้ Clicks มากที่สุด

1 Dustin Wants to write a Great Text ad That will Get people’s attention when they are searching on Google. What Should he do to generate the Most Clicks ?

 

(A) Include his Keywords in the Ad Text
(B) Put the Ad Headline in All Capital Letters
(C) Put Special Characters in the ad Headline
(D) Include his Business Address in the ad Text

แนะนำเข้าไปอ่าน ที่ Google Help:
Create Effective Text Ads: Google Best Practices

check_mark_colors

นักการตลาดที่ประสบความสำเร็จ : จะต้องส่งข้อความ ที่ตรงกับความต้องการ ในช่วงเวลาที่ถูกต้อง และการใช้ ความคิดสร้างสรรค์ สร้าง โฆษณา ที่เกี่ยวข้องกับความต้องการของลูกค้าได้มากกว่า เราจะได้ Clicks ที่มีคุณภาพมากกว่าคู่แข่ง

สรุปคร่าวๆ สำหรับข้อนี้ หลังจากที่อ่านในบทความมาแล้วนะครับ

  1. เขียนถึง ประโยชน์ ของผู้ใช้ ที่เขาจะได้ (Needs)
  2.  เขียนให้มี Keywords ที่เขาค้นหาเข้ามา (Search)
  3.  ให้ใช้คำเฉพาะ เจาะจง ที่ดีกว่า
  4.  ใช้คำที่เป็นคำตอบสำหรับการค้นหาของผู้ใช้งาน อย่าไปสร้างคำถาม

ตัวอย่าง โฆษณา Text Ad

เห็นไหมว่า เขาใส่ ประโยชน์ และน่าสนใจ ในเรื่องของ “Responsive Service” นอกนั้น เหมือนกันหมดเลย

 

Focus on your headlines – พยายามใส่ใจใน Headline บนสุด !

อันนี้ ตัวเพิ่มค่า CTR อย่างเห็นได้ชัดเลยครับ แล้วมันจะนำพาให้ ผู้ค้นหาใน Google ยิ่งสนใจ อ่านข้อความของ Google AdWords และ Click Ad ของเรา อย่างเน้นๆ แน่นอนครับ