เทคนิคการเขียนบทความ SEO ให้ได้ราคาแพงๆ

เทคนิคการเขียนทำเงิน SEO Technical Writer

การเขียนบทความ SEO เชิงเทคนิค หรือเรียกว่า Technical Writer for SEO เป็นแนวทางการเขียนระดับสูง (ระดับ 6 ดาว – คลิ๊กดูตามเรทที่นี่)

งานเขียนระดับ 6 ดาว เป็นงานเขียนที่มีค่าตัวแพงสุดในตลาด SEO แล้ว และมีความต้องการสูงขึ้นเรื่อยๆ

 

 

เบื้องต้น นักเขียนฟรีแลนซ์ทั่วๆไปที่ยังไม่มี reputation หรือยังไม่มีหลักแหล่ง ค่าตัวจะถูกมากๆ ฉนั้นผู้ที่เป็นนักเขียนลงเว็บไซต์ควรหาสังกัดเป็นของตนเอง และสะสมชิ้นงานลงใน web blog หรือพวก web magazine ทั่วๆไป ในอุตสาหกรรมที่เราสนใจหรือถนัด ตัวอย่างเช่น มี digital creator ท่านหนึ่ง เรียนรู้งานเขียนเชิงเทคนิค และพัฒนาเนื้อหาบนบล๊อกที่เขาเป็นเจ้าของ (ลองค้นหาคำว่า Sneaker คุณจะพบมืออาชีพมากมาย)

หากคุณยังเป็นนักเขียนที่ไม่มีสังกัด เรทค่าจ้างจะถูก เพราะเขียนให้กับทุกสำนัก ตัวอย่างงานเขียนหลัก 100 บาท > Click

งานเขียนหลายชนิด อาจไม่ทำเงิน แต่งานเขียนหลัก 100 บาทก็เป็นการเริ่มต้นของนักเขียนในการพัฒนาทักษะอาชีพทางสายนี้ แต่การประสบความสำเร็จในวิชาชีพนักเขียน สิ่งที่ต้องมีคือ Creative และ ความกระหายอยากเรียนรู้ใน Business ต่างๆที่คุณสนใจ และสิ่งที่คุณสนใจนั้นตลาดต้องการ ผมจึงขอแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวในการขาย skill การเขียนของตนเองครับ

จากประสบการณ์ส่วนตัว (ขอเล่า)

ผมเริ่มจากการเขียนบทความ SEO บทความละ 50 บาท (ปี 2008) ความยาวของบทความอยู่ที่ 1,000 words — สมัยก่อน ราคาถูกมาก ค่าจ้างถูก เพราะในช่วงปี 2008 ที่ผมกำลังเรียนมหาลัยอยู่ โลกของ internet ยังไม่มี content ที่หลากหลาย หรือเว็บไซต์ที่มีคุณภาพแบบชัดเจน ผู้ว่าจ้างเลยจ้างผมมาเขียนบทความลงเว็บไซต์ของเขา แล้วผู้ว่าจ้างก็ติดโฆษณาลงในเว็บ (Ads PPC) ซึ่งต่อมามันทำให้ผมเข้าสู่วงการ SEO โดยเริ่มต้นจากการทำ Google AdSense

ซึ่งในอดีต คนที่เป็น blogger หรือ ผู้ที่เป็นเจ้าของเว็บไซต์ จะสร้างเงินด้วยการติดโฆษณา Google Adsense และอีกบางส่วนก็ทำ Affiliate ของค่าย Amazon ซึ่งช่วงปี 2009 ผมเริ่มเรียนรู้การสร้างเงินจากโฆษณา Google Adsense โดยหาความรู้การสร้างเงินจากเว็บบอร์ดในตำนาoชื่อว่า “ThaiSEOBoard” ซึ่งเป็นแหล่งรวมตัวของเทพๆ นักทำการตลาดออนไลน์ (IM)

ปัจจุบัน รับงานเขียน Technical SEO Writing ในราคาบทความละ 7,500 บาท

การจะรับงานระดับนี้ได้ ผมต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆจริงๆ และใช้เวลาศึกษาวงจรของธุรกิจของเขา ต้องทำความเข้าใจเรื่อง Target Audience ของเขาด้วย โดยส่วนใหญ่ บทความที่เรทราคา 7,500 บาท ต่อ 1,000 words จะเป็นบทความที่ช่วยงานขาย โดยขายงานด้วยข้อมูลเชิงเทคนิค ส่วนใหญ่ที่ผมรับงานมาจะเป็นสินค้าและอุตสาหกรรมในโรงงาน หรือ นิคมอุตสาหกรรม ซึ่งค่าจ้างประมาณนี้ ไม่แพงสำหรับพวกเขาเลย

หากถนัดงานเขียนแนวท่องเที่ยว ได้เรท 7,500 บาท ไหม ?

คำตอบคือถ้ารับเขียนบทความเรื่องการท่องเที่ยว เชิงรีวิว จะอยู่ที่เรทประมาณ 3,000 บาท แต่ 7,500 บาทต่อบทความ ก็สามารถทำได้ ถ้าคุณเป็น Digital Creator สายท่องเที่ยว แล้วเริ่มทำ Blog Review สถานที่ คุณสามารถทำเรทราคานั้นได้ แต่ลูกค้าส่วนใหญ่อยากโปรโมตผ่านช่องทางของเราด้วย ดังนั้นพวก นักเขียน หรือ blogger เจ้าถิ่น เหล่านั้นได้ผูกขาดตลาดเป็นขาประจำไปแล้ว และได้เงินตลอดทุกเดือนด้วย เพราะอุตสาหกรรมหลักของบ้านเรามันเป็นธุรกิจการท่องเที่ยว ซึ่งนายทุนต่างๆ ยอมเสียเงินเพื่อให้ได้พื้นที่เข้าถึงผู้เสพย์ content ใน Internet

 

สรุป สิ่งที่นักเขียน 7,500 บาทต้องทำ คร่าวๆ มีดังนี้

สังกัดนักเขียน.

การหาสังกัดเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยส่วนใหญ่ นักเขียนจะไปสังกัดตาม E-Magazine ต่างๆ หรือดังๆที่หลายคนรู้จักก็อย่างเช่น “เว็บแบไต๋” ซึ่งเขาเชี่ยวชาญทางด้าน IT และลองสอบถามราคาโพสบทความลงเว็บ เขาให้เรทการ์ดมาที่ 300,000 – 350,000 บาท ต่อ 1 โพส ลองคิดดูนะครับว่า นักเขียนจะได้ส่วนแบ่งไปเท่าไหร่ หากคุณยังไม่มีสังกัด สามารถมาร่วมงานกับ Search Monopoly ได้ การติดต่อทางเฟสใต้บทความเลย

 

อุตสาหกรรมที่มี margin สูง

Margin การขายสูง ยิ่งทำให้เราได้รับเรทค่าตอบแทนที่สูง ตอนนี้ผมเลือกเขียนให้กับบริษัททางด้าน IT โดยมีเทคนิคหาเว็บเป้าหมายที่มี Coporate CI และ เว็บมี UX ที่ดีพอสมควร เว็บพวกนี้จะจริงจังในเรื่องของการทำ Content เป็นอย่างมาก

อันที่จริง นักเขียนหลายๆคน ก็ไปรับงานจากคลินิกเสริมความงาม เคยลองถามหลายๆคนได้เรทที่ 2,500 – 5,000 บาท ตามแต่ความยากง่ายของตัว Product

สิ่งสำคัญคือ นักเขียนต้องคัดหาสินค้า Margin สูงๆ ถ้าไปเขียนรีวิวสินค้าทั้งหลายใน Lazada หลัก 100 บาท คุณจะได้เรทค่าเขียนแค่ 300 บาทประมาณนี้ …

 

สร้าง Organic Traffic

แน่นอนว่า ในตลาด นักเขียนที่มีสังกัด และปั้น Organic Traffic ให้แก่เว็บไซต์ต้นสังกัดของตน ย่อมมีโอกาสได้ลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ นักเขียนต้องเรียนรู้การทำ off-page SEO เบื้องต้นด้วย แต่มันต้องอาศัยเวลาสักพักนึง อาจเป็นปี หรือ สองปี กว่าจะเริ่มได้ลูกค้ามาจ้างงานเรา แต่ถ้าเราทำได้แล้ว ลูกค้ารายต่อๆไปจะมาเรื่อยๆ และคู่แข่งจะตามเราไม่ทัน และไม่สามารถทำแบบเราได้ง่ายด้วย ของแบบนี้ลอกเลียนแบบไม่ได้ ใครมาก่อนก็ยึดพื้นที่ตลาดไปเลย

Bio Profile

หากคุณได้สังกัดแล้ว สิ่งที่คุณต้องมีคือการสร้าง Bio Profile ในงานเขียนทุกบทความที่คุณสร้างเอาไว้ มันเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะใน 1 เว็บต้นสังกัดจะมีนักเขียนได้หลายคน ถ้าบทความไหนโดนใจผู้ว่าจ้าง แล้วเขาติดต่อมา คุณจะได้รับรู้ได้ว่าลูกค้าต้องการผลงานของเรา และเป็นช่องทางหนึ่งที่ติดต่อลูกค้าได้โดยตรง

 

อย่าเสียเวลากับอะไรง่ายๆ

เนื้อหาที่เขียนหรือผลิตได้ง่าย ไม่มีวันชนะ และจะเหนื่อยเปล่า ถ้าต้องการจะกินตลาดยาวๆ แนะนำให้ไปเขียนเนื้อหาแนววิชาการ และหัดสร้าง story telling ซึ่งเป็นศาสตร์และหัวใจสำคัญของงานเขียน Technical SEO writing สำรวจตลาดให้ดี แล้วลองผลิตชิ้นงานและเริ่มโปรโมตเว็บไซต์ด้วยตัวเอง หรือจับตัวรวมกลุ่มนักเขียนที่มีความสนใจคล้ายๆกัน มาทำ Web Magazine ซึ่งมี theme เนื้อหาอย่างชัดเจน และให้ใช้ความอดทนและขยันในการสร้าง content ที่เราถนัด ทำสิ่งที่ทำยากๆใช้เวลา คู่แข่งจะน้อยลงไป เมื่อเราทำไปสักพักนึง ตลาดจะเข้ามาหาคุณเอง

 

สิ่งที่ทำให้นักเขียนบทความ เรท 7,500 บาทนั้นแตกต่างจากผู้อื่นมากๆเลยคือทักษะความถนัดด้านการอ่าน Journal จากเว็บภาษาอังกฤษ และการอ่าน Text Book ที่มีองค์ความรู้ที่ลึกซึ้งกว่านักเขียน Freelance ทั่วไป

ที่เห็นได้ชัดเลย ณ ช่วงปีนี้ จะเป็นนักเขียนด้านการลงทุน Finance, หรือพวกเขียนเกี่ยวกับ Bitcoin คริปโต เนื่องจากตลาดต้องการทักษะมืออาชีพในกลุ่มนี้สูงมาก หากคุณได้ลองศึกษาแนวทางการเขียนดีๆ จะพบว่าคนกลุ่มนี้มีความรู้ที่ลึกจริงๆ และเขียนออกมาได้น่าเชื่อถือ สามารถปิดการขายในบทความได้ ไม่ใช่มีแค่ Impression หรือ Awareness เท่านั้น

นักเขียนบทความ ค่าตัว 7,500 บาทนั้น เขาจะมีความรู้เรื่องงานเขียนโดยใช้ LSI Keywords ในบทความ SEO ด้วย เท่านั้นยังไม่พอ นักเขียนมืออาชีพ สามารถจัดทำ โครงสร้าง website และการเชื่อมโยงของแต่ละบทความ และเข้าใจเรื่องการพัฒนา user journey ให้เข้ามาสู่ช่องทางของ Conversion ได้อีกด้วย ซึ่งจุดสำคัญที่อยากจะเน้นมากๆ ซึ่งนักเขียนส่วนใหญ่ไม่มีคือ ทักษะการสร้าง LSI Keywords (ดูหัวข้อ SEO)

 

Story Telling ก็เหมือนนักเล่านิทาน สมัยนี้คนที่ทำ story telling เก่งๆ ก็ไปทำช่อง Youtube และเป็น youtuber กันเป็นจำนวนมาก เพราะได้เงินเร็วกว่า อันนี้ต้องยอมรับ และอีกบางส่วนก็ไปทำ Podcast ซึ่งได้รับความนิยมให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งจะใช้เวลาในการอ่านน้อยลง แต่จะฟัง Podcast กันมากขึ้น แต่ไม่เป็นไร นักเขียนอีกจำนวนหนึ่ง ก็จะโชคดี เพราะคู่แข่งในตลาดน้อยลง แม้ทำเงินล้านได้ไม่ง่ายเท่า youtuber แต่ก็สามารถหา passive income หลักแสนต่อเดือนนั้นเป็นไปได้ นักเขียน Technical SEO writing ต้องศึกษาวิชา story telling ให้มากๆเข้าไว้

9. สำคัญมากที่สุด คุณต้องหา ธุรกิจที่คุณชอบจริงๆ และอยู่กับมันได้ไปตลอดชีวิต โดยหาเนื้อหาที่คุณได้ค้นคว้าแล้วยิ่งมีความสุข อย่างเช่น บางคนชอบเรื่องรถ ชอบการแต่งรถ ก็จะสร้างเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องรถยนต์เท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมแนะนำให้ทำ ถ้าใครไม่มีสิ่งที่ตัวเองรักจริงๆ อันนี้ผมต้องขอแสดงความเสียใจด้วย เพราะคุณจะสู้คู่แข่งที่เขามีใจรักในเรื่องนั้นๆ ไม่ได้เลย

 

 

สรุปให้ 9 ข้อที่กล่าวมา ถือว่าให้ direction ไปบ้างแล้วนะครับ หากใครสนใจอยากรับงานในเรทราคาแพง ให้เลือกโอกาสจากด้านล่างนี้เลย ทางผมหานักเขียน 6 ดาวมาช่วยโปรเจคจำนวนมากอีกเยอะ แต่ปีนี้ ขอรับนักเขียนมาไว้ในสังกัดแค่ 15 คนก่อนนะครับ ปีหน้า

 

 

สำหรับนักเขียนที่อยากเริ่มเป็น Blogger และอยากทำบล๊อกของตนเอง ให้เข้าชมได้ที่ :> คอร์ส “ลูกเจี๊ยบ” อยากเป็น Blogger

สำหรับนักเขียน ที่อยากเขียนงานเรท บทความละ 7,500 บาท ให้ Inbox ทางเฟส มาที่ผมได้เลย :> Palawast

Be the first to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published.


*