ช่วงนี้บังเอิญไปพบเจ้าของธุรกิจ SME เจ้าหนึ่ง ที่มีความเชี่ยวชาญในการทำการตลาดออนไลน์ด้วย Ads Facebook และเข้ามีตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศไทย
ในฐานะที่เขาเป็น เจ้าใหญ่ในวงการอุปกรณ์งานช่าง นี่เป็นการสนทนาที่น่าสนใจ เพราะมันสะท้อนถึงความคาดหวังในการทำ SEO ว่ามันคุ้มค่าเพียงใด ทำให้ทาง Search Monopoly ตระหนักถึงคำถามข้างต้น
ลงทุนใน SEO ไปแล้ว การวัดผลมีอะไรบ้าง ?
นี่คือคำถามที่ยากที่จะหาคำตอบให้ เพราะในมุมมองของ Search Monopoly ที่รับงาน SEO มานานตั้งแต่ปี 2013 เราได้พบว่า ผลลัพธ์ของแต่ละธุรกิจขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกเสียเยอะเลยทีเดียว สำหรับการตอบคำถามนี้ เราได้รวบรวม metrics ที่สามารถวัดได้จากการลงทุนในโครงการ SEO ที่สามารถมองได้เป็นรูปธรรมดังนี้
1. Organic Traffic
การทำ SEO สิ่งที่ได้รับก่อนเลยคือ การเพิ่ม Organic Traffic เข้าสู่เว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง ซึ่ง organic traffic สามารถตีเป็นมูลค่าทางการตลาดได้
2. Impression หรือ การแสดงผล และการมองเห็น
ข้อสองนี้ จากประสบการณ์ ค่าของ Impression หลายๆคนมองข้าม Value นี้ไป แต่หากมองดีๆ ค่า impression เปรียบเสมือนเราไปลงทุนเช่าพื้นที่ปักป้ายโฆษณา Bill Board หรือทำ Out of Home ซึ่งการทำ impression โดยใช้ physical object เหล่านี้ ต้นทุนหลายสิบล้าน ตั้งแต่ค่า production และการเช่าพื้นที่ทำเลเพื่อให้เกิด impression ซึ่งการมองเห็นหรือการผ่านสายตาเห็นเว็บเราทำอับดับใน Google Search Result Page ก็เป้นช่องทางหนึ่งที่แสดงถึงการมีตัวตนของเรา ในโลกธุรกิจ ซึ่งปัจจุบัน ค่า impression มีมูลค่าสูงขึ้น และต้นทุนเริ่มสูงขึ้นตามมา เนื่องจากการแข่งขันในช่องทางต่างๆ และคุณภาพของเนื้อหา อีกทั้งยังรวมถึงการเข้าถึงของกลุ่มผู้ผลิตสื่ออิสระ ทั้งอินฟลูเลนเซอร์ และ Youtuber เป็นต้น
3. การเพิ่มขึ้นของ Ranking ใน Keyword ที่เราต้องการ
ด้วยการที่เราทำ SEO จากการลงทุนในเรื่องของการสร้าง Backlink ที่มีคุณภาพ สิ่งสำคัญที่จะเกิดขึ้นอันดับแรกสุดคือ Ranking โดยเว็บของเราติดอันดับใน Google แล้วในระยะเวลาที่ผ่านไป เว็ยเราสามารถแซงอันดับของคู่แข่งขึ้นมาในอันดับต้นๆ ในหน้าแรกของการค้นหา โดยเฉพาะ Keyword ที่ทำเงิน อย่างเช่น “คอนโด 70 ตารางเมตร สุขุมวิท ติด BTS” คำๆ นี้สามารถสร้างเงินล้านให้แก่ผู้ขายคอนโด หรือผู้ทำธุรกิจปลูกสร้างคอนโด หรือแม้แต่นายหน้าอสังหา ที่ทำธุรกิจปล่อยเช่าคอนโดได้ ลองศึกษาบทความที่เคยทำไว้เกี่ยวกับ SEO Benefits ที่เราได้เขียนถึงประโยชน์ของ SEO และทำไม การทำ SEO เหมือนอสังหาริมทรัพย์ทางออนไลน์
4. โอกาสการเพิ่มของยอดขาย
แน่นอนว่า เมื่อเราทำอันดับใน Google ได้แล้ว โอกาสที่ user จะเปลี่ยนมาเป็น customer ยิ่งสูงขึ้น แต่กระนั้นในช่วงขวบปีแรกของการทำ SEO จะยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมมากนัก แต่ในปีถัดๆไป หาก user เข้ามาเรียนรู้ ข้อมูลที่มีประโยชน์ พวก organic traffic ที่เราทำเอาไว้ จะมาช่วยทำให้ user ที่เข้าเว็บเรา ให้คุณค่าแก่เว็บเรามากยิ่งขึ้น เนื่องจาก การพัฒนาเนื้อหาที่มีคุณภาพ การปฏิสัมพันธ์ผู้คนผ่านทางเว็บไซต์ ซึ่งเราสามารถทำได้อยู่ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด ซึ่งแตกต่างจากการยิง Ads โฆษณา ที่มีขอบเขตจำกัด โดยการยิงโฆษณาจะเน้นการขายโดยเฉพาะ แต่การทำ SEO จะเป็นการสร้าง value ทางธุรกิจ และสร้างคุณค่าทางการตลาด ซึ่งทั้งสองนี้มีความแตกต่างกัน การแปลง user มาเป็น ยอดขายนั้นอาจทำได้ยากกว่าในช่วงต้น แต่ในผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงจากประสบการ รับทำ SEO ของเรา นั้นสามารถการันตีได้เลยว่า ระยะ 2ปีขึ้นไป user จะกลับมาเป็นคนที่โทรมาสอบถามเรามากยิ่งขึ้น ยิ่งช่วย support ads ของเรา และสามารถนำไปทำ re-targeting ได้อีกด้วย และทำให้การดฆษณามีประสิทธิภาพ และตรงกลุ่มมากยิ่งขึ้น
ในประเด็นการสร้าง Value ทาง Online Marketing
การสร้าง Reputation ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
SEO เป็นเครื่องมือการสร้าง Brand ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถึงแม้มันจะส่งผลช้าหน่อย เพราะมันใช้เวลาในการเข้าถึงผู้เข้าชมในระยะ 6-9 เดือน และต้องสร้าง Market Retention อีกสักระยะหนึ่ง ดังนั้นการสร้าง Brand ด้วยการทำ SEO เสมือนการปลูกต้นไม้ เช่นการทำ ป่าไม้สัก ซึ่งเราต้องคอยเติมดินใส่ปุ๋ยรดน้ำ ดูแลจนกว่าเราจะได้เนื้อไม้ที่พอเหมาะจึงสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิต ซึ่งการเติบโตของการทำ SEO ในระลอกแรก อาจใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี แต่การทำให้แบรนด์กลายเป็นเจ้าตลาด เราอาจต้องใช้เวลากับ SEO นานถึง 7 ปีเลยทีเดียว
Case Study – Lazada กับการ Dominant Market
ในฐานะที่เป็นเจ้าของ Search Monopoly ได้เคยเป็น Head Of SEO ที่ Lazada ในช่วงปี 2014 – 2015 นั้น เราได้มีโอกาสเห็นการเติบโต และ step ของความสำเร็จของการดำเนินงานทางด้าน SEO แบบละเอียดเลย โชคดีที่ได้เริ่มต้นในช่วงหลังจากที่ก่อตั้ง Lazada ได้ไม่นาน และช่วงปี 2014 Lazada ยังเป็นของ Rocket Internet ซึ่ง ผู้บริหารระดับสูง มีนโยบายเป็นเพียงคำสั้นๆ แต่บอกเลยว่าโหด ด้วยคำว่า “Dominant The Market !!”
สิ่งที่ Lazada ทำได้สำเร็จ ไม่ใช่แค่การทำอันดับได้สูงใน Google ที่มากกว่า 30,000 Keywords แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้น คือคำว่า “User Retentions” หรือ การกลับเข้ามาใช้งานซ้ำๆ ซึ่งตามหลักการของการตลาดที่มีกฏข้อหนึ่งว่า “Rules of Seven” หมายถึง การที่คนทั่วๆไปใครก็ตาม ได้เห็นสื่อหรือโฆษณาหรือ message อะไรก็ตามถึง Brand นั้นๆ จำนวน 7 ครั้ง แล้ว คนๆนั้นจะเริ่มมี engage หรือจดจำ brand นั้นๆ ได้นั่นเอง
เป็นไปไม่ได้เลย ถ้า Lazada ไม่ทำ SEO หรือ ไม่พึ่งพา Organic Traffic หากใช้แต่การยิง Ads แล้ว คำว่า “Market Domination” ของ ผู้บริหารระดับสูงของ Lazada ก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง
E-Commerce Platform หนีไม่พ้นการทำ SEO
หากใครที่ทำ Product listing เพื่อขายสินค้าหลากหลายชนิด และ หลากหลายหมวดหมู่ การพัฒนา อันดับใน Google ด้วย SEO เป็นเรื่องที่สำคัญมาก หลายทฤษฏีกล่าวไว้ว่า การทำ SEO เปรียบเสมือนเครื่องมือ Automation tool ในเรื่องการขาย ของธุรกิจ E-commerce เลยทีเดียว โดยจุดแข็งข้อหนึ่ง หากเราทำ SEO มาอย่างดี การเกิด Niche หรือ Long-tail keyword ก็จะมีมากขึ้นตามมา โดยธุรกิจ E-Commerce จะต้องอาศัย Long-Tail Keywords มากกว่า Primary หรือ Target Keyword ในสัดส่วน 80/20 % นั่นเอง โดยส่วนใหญ่ เราจะทำ สองส่วน ได้แก่ Category Pages กับ Product Pages ซึ่งในการทำ Category Page นั้น จะเน้นการทำอันดับใน Target Keywords ที่มี Search Volume สูงๆ ส่วน Long-tail keyword สามารถผลิตได้จากการสร้าง Blog Content Marketing อย่างเช่น Buying Guide การแนะนำการใช้งาน ที่เห็นได้ชัดเจนในไทยก็จะเป็นเว็บไซต์ Homepro หรือหากเป็นเว็บต่างประเทศ จะเป็นเว็บ Amazon ที่มีหน้า Feature ของ สินค้า Kindle นั่นเอง
Key Challenges สำหรับการทำ SEO
ในฐานะ คนที่ทำงาน SEO มานาน (เข้าสู่ปีที่ 16 – 2024) สิ่งที่ยังเป็นเรื่องท้าทายในวงการ SEO คือ การทำ SEO ยังมีความจำเป็นอยู่อีกหรือไม่ หรือจำเป็นต้องลงทุนใน budget สูงๆอีกไหม และเรื่องยอดขาย คาดหวังได้อย่างไร ? ซึ่งจะขออธิบายในสิ่งต่างๆ สรุปจากประสบการณ์จริงดังนี้
1. SEO ไม่สามารถ Estimate ยอดขายได้
เรื่องแรก ที่ผู้ประกอบการอาจเข้าใจผิด เช่น ถ้าคนเข้าเว็ยเรา เพิ่มขึ้น X10 เท่า แล้ว ยอดขาย เราจะเพิ่มอีก X10 เท่าด้วยหรือไม่ ? — คำตอบคือ ในเรื่องการสร้าง Organic traffic เข้ามาในเว็บนั้น อันดับแรกที่เกิดขึ้นคือ user จะมีโอกาสเข้ามาเห็นข้อเสนอของเราก่อนใคร แต่มันไม่สามารถการันตีได้ว่า ลูกค้าที่เห็นสิ้นค้าเราก่อน จะมาซื้อของเราเลย เนื่องจาก user สามารถคลิ๊กเว็บที่ทำอันดับ 2, 3 ,4 หรือ คลิ๊กใน Google map หรือ Search คำอื่นๆขึ้นมาอีก เช่นหาคำตอบจากผลการค้นหาใน Pantip หรือ หาคนที่ให้รีวิวในสินค้าเรา หรือ เช็คข้อมูลต่างๆ ใน Internet ซึ่งเราไม่อาจคาดเดาได้ว่า Consideration Stage ของ user เหล่านี้ เจออะไร แล้วไปรับข้อมูลอะไรมาบ้าง ซึ่งโดยส่วนใหญ่ user จะหาคำตอบที่ดีที่สุด หรือโดนใจที่สุด ฉนั้น SEO ไม่สามารถ Draw Scale ของยอดขายที่จะกลับมาได้ เราต้องลองด้วยตัวเองก่อน
2. SEO อาจให้ Value เราแบบ Passive
การเก็บ Passive เหมือนเป็นการเก็บพลังงานศักย์ หากคุณเคยเรียนฟิสิกส์ ย่อมเข้าใจว่า การสะสมกำลังศักย์ในระยะแรกอาจไม่มีแรงพอที่จะพังกำแพงเขื่อนได้ แต่การทำการตลาดด้วย SEO อย่างต่อเนื่อง ก็เหมือนที่สักวันนึงน้ำเต็มเขื่อนและกำแพงเขื่อนมันแตกลงมา กำลังน้ำที่ไหลทะลักออกมาย่อมมีแรงจลน์ นั่นคือการตลาดแบบ Passive มันจะสะสมพลังงาน และคุณค่าทางการตลาดได้อย่างสูง และทำได้ดีกว่าการยิง Ads ถ้ามองอีกมุม เจ้าของธุรกิจส่วนใหญ่ ยังนิยมยิงโฆษณาอยู่ เพราะ อาจไม่สามารถตีมูลค่า organic traffic ในแง่ของ maketing value ได้ ตรงนี้เลยเป็นโอกาสของผู้ที่เข้าใจเกมส์และเข้าถึงจังหวะของโอกาสเพื่อทำพื้นที่ทางการตลาดโดยใช้รูปแบบ Organic Traffic
SEO เหมาะกับ ธุรกิจที่จะทำระยะยาว
หากเริ่มต้นธุรกิจใหม่ๆ เราอาจยังขาดทรัพยากรณ์ หรือยังไม่มี ROI ที่ชัดเจน และยัง Scale ตลาดไม่ได้ ทางเราขอแนะนำให้คุณทำการยิง Ads ไปก่อน แต่หากมีกำไรเหลือให้ลงทุนด้านเงินและเวลาหันมาทำ SEO ควบคู่ไปด้วย เนื่องจาก Organic Traffic มันขยายได้มากกว่าการยิงโฆษณา แต่ยุตสมัยนี้การเข้ามาในตลาดหรือพื้นที่ทาง Organic นั้นมีต้นทุนมากกว่าเดิม ยิ่งทำช้ายิ่งเสีบเปรียบ เพราะโอกาสและค่าทำเลจะมีต้นทุนที่สูงขึ้น ต้นทุนของการทำ Backlink ก็จะยิ่งสูงขึ้นไปด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่อยู่ในตลาด SEO มานาน เราก็ไม่สามารถเคลมได้ว่าว่า SEO คือทุกสิ่งทุกอย่าง มันมีความเสี่ยงอยู่ข้างหน้า เช่น อันดับได้ดีแล้ว คนเข้าเว็บ แต่คนอาจมาดูข้อมูลเฉยๆ หรือมาเปรียบเทียบราคา แล้วก็ไม่ได้ซื้อเรา แต่ในระยะยาว ลูกค้าค้นเจอแต่เว็บเราบ่อยกว่า เจ้าอื่น โอกาสในการปิดการขายจะมีโอกาสได้มากกว่า เหมือน Brand Signal มันเข้ามาอยู่ในใจผู้ใช้งานแล้ว มันมีมุมของการสร้างตัวตน การสร้างมูลค่าทำเลแบบ intangible value ดังนั้นการทำงาน SEO ต้องใส่พลังและความเอาใจใส่มากกว่าการยิง Ads งาน SEO จึงเหมาะกับนักธุรกิจมืออาชีพ ที่เป็นตัวจริงในตลาดนั้นๆ มากกว่า
สรุป ประโยชน์ของการทำ SEO
แม้ว่า SEO ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างในการทำการตลาดออนไลน์ หรือ การทำธุรกิจ แต่การลงทุนในด้าน SEO จะเป็นตัวช่วยทุ่นแรงในอนาคต และเพิ่มโอกาสทางการขาย และสร้างผลลัพธ์ในเรื่องของ Brand Value และ Marketing Value ให้แก่ธุรกิจของคุณ
[ช่วงขายของ] หากคุณสนใจ อยากจะทำ SEO ให้ลองเข้ามาศึกษารายละเอียดได้ที่ บริการ รับทำ SEO โดย Search Monopoly
Leave a Reply