พัฒนาระบบเว็บไซต์ Enterprise-Grade

สำหรับธุรกิจที่ต้องการความชัดเจน, Scalability, และกระบวนการที่รัดกุม ด้วย System Analysis ที่แม่นยำ

ปรึกษาโปรเจค (ฟรี)

ทำไมโปรเจคเว็บไซต์ส่วนใหญ่ถึงล้มเหลว?

นี่คือ 4 กับดักคลาสสิกที่ทำให้โปรเจค "พัง" (และเราช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงมันได้อย่างไร)

1. "Requirement ไม่ชัดเจน" (ได้ของไม่ตรงปก)

เรื่องเล่า: "ตอนคุยกันก็เข้าใจดี แต่พอทำจริงกลับขาด Feature ที่เราต้องการ พอท้วงไป Developer ก็บอกว่า 'ไม่ได้ตกลงกันไว้' สุดท้ายต้องยอมจ่ายเพิ่ม หรืองานเสร็จแบบไม่สมบูรณ์"

สาเหตุที่แท้จริง: เกิดขึ้นเพราะไม่มี "พิมพ์เขียว" ที่ชัดเจน ขาดเอกสาร BRD/FRD ที่ระบุทุก Function, ทุก Use Case ทำให้ต่างคนต่าง "จินตนาการ" ภาพความสำเร็จไม่ตรงกัน

2. "งบประมาณบานปลาย" (Scope Creep)

เรื่องเล่า: "โปรเจคเริ่มต้นด้วยงบ 1 แสน แต่ระหว่างทางมี 'ขอแก้นิดหน่อย' ตลอดเวลา กลายเป็นว่า 'นิดหน่อย' นั้นถูกชาร์จเพิ่มทุกจุด สุดท้ายโปรเจคจบที่ 3 แสน แถมยังล่าช้าไป 2 เดือน"

สาเหตุที่แท้จริง: เกิดจาก "Scope Creep" (ขอบเขตงานบวม) เพราะไม่ได้กำหนดขอบเขตของงาน (Scope of Work) ให้ชัดเจนใน BRD ตั้งแต่แรก ทำให้ไม่มีเส้นแบ่งว่าอะไรคือ "ของที่ต้องมี" และอะไรคือ "การแก้ไขเพิ่มเติม"

3. "ระบบไม่รองรับอนาคต" (Can't Scale)

เรื่องเล่า: "เว็บเปิดตัวได้ดี แต่พอเรายิงแอดมีคนเข้าพร้อมกัน 1,000 คน เว็บล่มทันที! หรือแย่กว่านั้น พอธุรกิจโต อยากต่อ API กับระบบบัญชี Developer บอกว่า 'ต้องรื้อทำใหม่หมดครับ' "

สาเหตุที่แท้จริง: เกิดจากการออกแบบสถาปัตยกรรม (Architecture) ที่ผิดพลาด ไม่ได้วางแผนเพื่อการขยายตัว (Scalability) เพราะขาดการวิเคราะห์ในเอกสาร SRD (System Requirement) ว่าระบบต้องรองรับ Traffic เท่าไหร่ หรือต้องเชื่อมต่อกับอะไรในอนาคต

4. "ได้เว็บสวย...แต่ใช้งานจริงไม่ได้"

เรื่องเล่า: "เราได้เว็บที่หน้าตาสวยมาก เหมือนใน Figma เป๊ะๆ แต่พอใช้งานจริง กลับโหลดช้ามากในมือถือ, ปุ่มกดยาก, และไม่รองรับ SEO เลย สุดท้ายต้องจ้างคนมาแก้ Performance อีกรอบ"

สาเหตุที่แท้จริง: ทีมพัฒนาเน้นแค่ "ความสวยงาม" (UI) แต่ละเลย "ประสบการณ์ใช้งาน" (UX) และ "คุณภาพโค้ด" (Code Quality) เพราะในกระบวนการไม่มีขั้นตอน QA & Testing ที่เข้มงวด หรือไม่ได้กำหนด Non-Functional Requirement (เช่น ความเร็ว) ไว้ใน SRD

"พิมพ์เขียว 3 ฉบับ" หัวใจสำคัญกันโปรเจคพัง

นี่คือ 3 เอกสารสำคัญที่เราใช้ เพื่อเปลี่ยนไอเดียของคุณให้เป็นระบบที่จับต้องได้จริง และป้องกันปัญหาทั้งหมดที่กล่าวมา

🎯

BRD (Business Requirement Doc)

เอกสารความต้องการทางธุรกิจ


คืออะไร: "เป้าหมาย" (The Why) ของโปรเจคนี้ กำหนดว่าทำไปเพื่ออะไร, ใครคือกลุ่มเป้าหมาย, และจะวัดผลความสำเร็จอย่างไร

ทำไมต้องมี: เพื่อให้ผู้จ้างและผู้พัฒนา "เห็นภาพเดียวกัน" ป้องกันการสร้างของที่ "สวยแต่ไม่ตอบโจทย์" และใช้เป็นธงนำทางตลอดทั้งโปรเจค

⚙️

SRD (System Requirement Doc)

เอกสารความต้องการของระบบ


คืออะไร: "ข้อกำหนดทางเทคนิค" (The How) เช่น ต้องรองรับคนเข้าพร้อมกันกี่คน (Scalability), ต้องโหลดเร็วแค่ไหน (Performance), และต้องปลอดภัยระดับไหน (Security)

ทำไมต้องมี: เพื่อให้ Developer "ประเมินงานได้ถูกต้อง" ป้องกันปัญหางบบานปลายเพราะต้องมารื้อแก้ทีหลัง และสร้างระบบที่ "รองรับอนาคต" ได้จริง

📋

FRD (Functional Requirement Doc)

เอกสารความต้องการเชิงฟังก์ชัน


คืออะไร: "พิมพ์เขียว" (The What) ที่ลงรายละเอียดทุก Feature เช่น "เมื่อผู้ใช้คลิกปุ่ม A จะต้องแสดง Modal B" หรือ "ระบบต้องส่ง Email ยืนยันเมื่อสมัครสมาชิกสำเร็จ"

ทำไมต้องมี: เป็น "สัญญาใจ" ที่ชัดเจนที่สุดระหว่างคุณกับทีมพัฒนา ป้องกันปัญหา "Scope Creep" (งานบวม) และ "ได้ของไม่ตรงปก" ได้ 100%

กระบวนการพัฒนาที่รัดกุม (Our Lifecycle)

เราเปลี่ยนความต้องการทางธุรกิจ ให้เป็นระบบที่จับต้องได้ ด้วยขั้นตอนที่แม่นยำ

1
Discover & Interview
2
System Analysis (BRD/SRD/FRD)
3
UX/UI Design
4
Development
5
QA & Testing
6
Launch

1. สัมภาษณ์และค้นหาความต้องการ

ขั้นตอนแรกคือการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) เพื่อทำความเข้าใจเป้าหมายทางธุรกิจ (Business Goal) และ Pain Point ของคุณ

2. วิเคราะห์ระบบและจัดทำเอกสาร (BRD/SRD/FRD)

หัวใจของความแม่นยำ ทีม System Analyst (SA) จะย่อยความต้องการเป็นเอกสาร:

  • BRD: เป้าหมายทางธุรกิจคืออะไร
  • SRD: ระบบต้องรองรับอะไรบ้าง (Security, Scale)
  • FRD: Feature นี้ทำงานอย่างไร คลิกปุ่มนี้แล้วเกิดอะไรขึ้น

3. ออกแบบ UX/UI และ Prototype

ทีม Designer จะสร้าง Wireframe และออกแบบหน้าตา (UI) ที่สวยงามและใช้งานง่าย (UX) คุณจะได้ทดลองคลิก Prototype จำลองก่อนเริ่มเขียนโค้ด

4. พัฒนาระบบ (Development)

ทีม Developer เริ่มเขียนโค้ดตามเอกสาร FRD และดีไซน์ที่อนุมัติ เราทำงานแบบ Agile เพื่อให้คุณติดตามความคืบหน้าได้ตลอด

5. ตรวจสอบคุณภาพ (QA & Testing)

ทีม QA (Tester) จะทดสอบระบบอย่างเข้มข้นในทุกมิติ ทั้ง Functional Testing, Performance และ Security เพื่อให้มั่นใจว่าระบบไร้ Bug

6. ส่งมอบและเปิดใช้งาน (Deployment & Launch)

เมื่อระบบผ่านการทดสอบ เราจะดำเนินการนำระบบขึ้นใช้งานจริง (Deploy) บน Production Server พร้อมติดตามและเฝ้าระวัง (Monitoring)

บริการของเราเหมาะสำหรับใคร

  • ✅ ธุรกิจขนาดกลาง-ใหญ่ (SME/Enterprise)
  • ✅ องค์กรที่ต้องการระบบซับซ้อน (E-commerce, ERP, API)
  • ✅ ธุรกิจที่ต้องการความชัดเจนและเอกสารรัดกุม
  • ✅ โปรเจคที่ต้องการ Scale ใหญ่ในอนาคต