>

เฉลยแนวข้อสอบ Google AdWords Fundamentals – On the Google Display Network, Your Ad is Eligible to Show on a Webpage if your

โจทย์ : On the Google Display Network, Your Ad is Eligible to Show on a Webpage if your

  • (A) Landing page matches that webpage’s content.
  • (B) Website matched that Webpage’s content
  • (C) Keywords Match that webpage’s content
  • (D) Ad Text matches that webpage’s Content

แนวข้อสอบ Google AdWords 003


อธิบาย โจทย์นะครับ 

ข้อสอบข้อนี้ ทาง Search Monopoly มองว่า เป้นโจทย์ที่เขาพยายามทำให้เราเข้าใจ Point ของการ แสดง โฆษณา AdWords โดยปัจจัยการควบคุม Keyword ที่เราสร้างขึ้นมา

 

Core ของโฆษณา ที่ Google อยากให้เราคิด หลักๆ แต่ละ Ads โฆษณา ที่จะปรากฏนั้นคือ “Keywords” ครับ
หัวใจสำคัญของการทำ โฆษณา Google AdWords คือเรื่องของ “คำค้นหา” ล้วนๆเลยครับ

 

จากโจทย์ เขาถามมาว่า – ใน GDN นั้น โฆษณา จะ แสดง บนหน้า เว็บเพจต่างๆ เมื่อเราได้ทำอะไร ???

คำตอบครับ = Keywords Match that webpage’s content

หมายความว่า Keyword ที่เรา บรรจุลงไปใน โฆษณาของเรา  – มันจะมีโอกาสไปโผล่บนหน้าเว็บเพจ ที่มีเนื้อหานั้นๆครับ

 

เช่น หากคุณกำลัง ทำเว็บ ขาย “พิซซ่า” คุณควรจะใส่ Keyword ที่น่าจะเกี่ยวกับ อะไรก็ได้ที่จะทำให้คนอยากมาทาน “พิซซ่า” ในร้านคุณ

เช่น
ใส่ Keyword คำว่า “อาหารจานด่วน”

หรือ “ร้านอาหาร อร่อยๆ”

หรือ “วันหยุด กินอะไรดี”

 

สำหรับ GDN – ผมมองว่า โฆษณา มันจะ โปรยหว่าน ไปในหน้าเว็บเพจ ที่เขียน Topic กว้างๆ แต่ใกล้เคียงกับสินค้าเราครับ การทำ Image Ads ที่กระตุ้น Emotion น่าจะเป็นจุดดึงดูดที่ดีเหมือนกันครับ

 

และ ความสนุกของมัน ก็จะอยู่ที่เรื่องของ การกำหนดคำค้น ที่กว้างขวางออกไปกว่าเรื่อง Search Text Ads. ที่เน้นตอบโจทย์การแก้ปัญหาครับ

 

ส่วน Choices อื่นๆ ผมว่ามันตัวหลอกครับ ใครไม่อ่านหลักการ จะ งง เพราะมันเอา ศัพท์เทคนิค เกี่ยวกับ Google AdWords มาใส่ยำมั่วๆ ไม่มีสาระเลย

A กับ B ที่ว่า Landing Page จะ Match หรือ Website จะ Match กะ Website นี่ไม่มีนะครับ Google ไม่ได้ทำ

ส่วนเรื่องที่ทำให้ผมคิดสองสามรอบ คือเรื่อง Ads Match Website ก็เป็นตัวหลอกครับ

สุดท้าย ตัวเชื่อมโยงโลกของ Finding คือ Keyword นะครับ

กลับไปหน้าบทเรียน Fundamental และ รวมเฉลยข้อสอบ Google AdWords

เฉลยแนวข้อสอบ Google AdWords Fundamentals – Clyde Wants to Raise the Profile of his dance school. A “Display Network only” Campaign can Help him:

เฉลย ข้อสอบ Google AdWords 002

โจทย์ : Clyde Wants to Raise the Profile of his dance school. A “Display Network only” Campaign can Help him:

  • (A) Show ads on Dance Website and Youtube videos.
  • (B) Show Ads when someone searches for dance classes
  • (C) Pick the Most Popular keywords for his campaign
  • (D) Match his Ad Text to what people are searching

 

เฉลยแนวข้อสอบ Google AdWords Fundamentals – You Would Advise a Client that’s launching a New Product line to Advertise on the Google Display Network because she can

คำถาม

You Would Advise a Client that’s launching a New Product line to Advertise on the Google Display Network because she can:

  • (A) Use Text Ads that encourage people to call her business
  • (B) Use text Ads that encourage people to visit her website
  • (C) Reach people who are searching for her profits
  • (D) reach people who are interested in similar products

คำอธิบาย โจทย์ :
หากเราต้องการ โฆษณา สินค้า ตัวใหม่ ทาง “Google Display Network” เพราะว่าอะไร ?

คำตอบที่น่าจะถูกต้องที่สุด = reach people who are interested in similar products
เพราะว่า ในชุดการสอน ทาง Google อธิบายให้เราเข้าใจว่า โฆษณา ทาง “GDN” จะแสดงผล โฆษณาของเรา ไปตามแหล่ง เว็บเพจต่างๆ คำว่า “Reach” คือการเข้าถึงสายตาของลูกค้า และเป็นงานทางด้านการตลาด
การ Reach ก็ไม่ได้เกี่ยวกับว่า พอ Reach แล้ว เราจะได้ยอดขายเลยทันที แต่สำหรับสินค้าบางอย่างนั้น จดจำได้ง่าย
เป็นกรณีพิเศษไป ถ้าสินค้านั้นกระตุ้น Demand คนที่รับ Ads โฆษณาทาง GDN.

ส่วนใหญ่ เรานำเสนอ โฆษณา GDN เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าสนใจในเนื้อหาโฆษณาของเรา
โดยกำลังอ่าน บทความเรื่องหนึ่งอยู่ อย่างเช่น การแต่งเพลง แล้วมาเจอ Ads โฆษณา เจ๋งๆ Story ดีๆ เกี่ยวกับ
สินค้าของเรา เช่น กีตาร์ – อันนี้ก็อาจเป้นตัวดึงดูดได้ เพราะคาดว่า คนที่กำลังอ่าน เนื้อหานั้น สนใจเรื่อง การแต่งเพลง และเขาเองอาจเป็นนักดนตรี ที่ชอบเล่นกีตาร์ หรืออาจจะมีเพื่อนในแวดวงก็เกิดการบอกต่อได้

ทัศนะของ “Search Monopoly”
GDN เป็นเรื่อง ยากและ Low Effective สำหรับ ธุรกิจ B2B อย่างเช่นการตอกเสาเข็ม หรือพวก แก้ปัญหาเชิง Function นะครับ ส่วนตัวผมเอง ประสบการณ์ จะถนัดการทำ โฆษณาแบบ B2B เน้นการแก้ปัญหาทางธุรกิจ
จึงมีความเข้าใจข้อแตกต่างตรงนี้ดีครับ

สำหรับการทำ GDN ผมแนะนำเพิ่มเติม อย่ามัวแต่สร้าง brand reach หรือพวก Pageviews เป็น เป้าสัมฤทธิ์ อย่างเดียวครับ
งานต่อไปที่พึงกระทำ สำหรับการทำ GDN คือเรื่องพัฒนา Interaction ของ Users ที่เข้าชมเว็บทาง GDN ให้ได้มากที่สุด และ ศึกษา พฤติกรรมของ User ที่เข้ามาในเว็บเราครับ

สังเกตุว่าข้อสอบข้อนี้ จะกล่าวถึงเรื่อง “Interest” เป็นหลัก เราต้องเอา key point ตรงนี้มาพัฒนาการตลาดต่อครับ ไม่ใช่ หยุดแค่จ้างใครก้ได้มาทำ GDN โดยเฉพาะ พวก AdWords Agency ที่รับทำ โฆษณา Google AdWords คุณผู้ประกอบการเอง ควรหมั่นศึกษาแผนพัฒนาทางการตลาดของตนเองให้ดีๆก่อนด้วยครับ จึงจะได้อะไรกลับมา หลังจากเสียเงินค่า โฆษณา GDN ไป

ผมบอกความลับให้นะ พวก เอเย่นทำ GDN แม้ทำให้ของตนเอง ก็ทำพังมาเยอะครับ เสียเลือดเยอะ
ผู้บริหาร หัวเสียบ่อยๆ เพราะเด็กๆ ที่ทำแคมเปญ ไม่คำนึงถึง “NEXT STEP” ไม่มีการวางหมากต่อไปอย่างชัดเจน
และไม่มีการ keep capture หรือจัดเก็บความรู้จาก Out comes ที่เราได้วัดผลจากแคมเปญต่างๆ

ทาง Search Monopoly จึงขอย้ำอีกทีครับว่า คุณต้อง หาคนฝีมือถึงมารับงาน GDN อย่าไปจ้างใครมั่วๆ มาทำเด็ดขาดครับ ทำไปไม่คุ้มเสียครับผม

 

กลับไปหน้าบทเรียน Fundamental และ รวมเฉลยข้อสอบ Google AdWords

เฉลยแนวโน้ม SEO ปี 2017 และ การทำเนื้อหา ปี พ.ศ. 2560

ในปี 2017 นี้ ได้มีการสรุปเรื่องการพัฒนา SEO ให้แก่เว็บ แต่ละสำนัก ของต่างประเทศ และมองเห็นว่า นักการตลาดสาย Content ของไทย ก็นำมาโปรโมตให้พวกเราได้เข้าถึงและศึกษากัน แต่บทความนี้ ผมได้เขียนสรุปในแบบของ Search Monopoly เอง โดยเราจะรู้เท่าทัน กลยุทธ์ของการใช้งาน Trends และนำ Trend มาทำการตลาดออนไลน์ ทางด้าน SEO และกล่าวถึง สิ่งที่พวก เมืองนอก เขาประชุมแล้วมาสรุปเป็นแนวโน้มจากแหล่งต่างๆ ซึ่งผมจะ อธิบาย และ กล่าวระบุเองว่า ตัวไหนที่ น่าสนใจ และ อธิบายเหตุผลว่าทำไม เขาถึงจับมาเป็นแนวโน้มที่เราต้องนำมาวางแผนการพัฒนาอับดับ โดยคิดเชิงกลยุทธ์ แต่ตอนท้ายบท เราจะมาเฉลย เทคนิคที่พวกนักทำการตลาดแบบ trend เอามาใช้ทำ search volume เรียกคนเข้าเว็บของเขาเอง — สุดท้าย เราจะกล่าวสรุป ในเรื่องที่ควรระวัง รู้เท่าทัน และ กลับมาที่จุดหลักของการพัฒนา แบบไม่หลงทางกันต่อไป

สรุป Trend SEO 2017 จาก Link Assistant

www.link-assistant.com
ที่มา
http://www.link-assistant.com/news/smx-east-2016-recap.html

ทาง “Link Assistant” ได้กล่าวถึง Most Trusted SEO events in USA คืองาน ” SMX East conference”

ขอเสริมนิดนึง “Most Trusted SEO” เป็นเรื่องที่พวก SEO Agency มักอวยกันเองครับ อย่าไปเชื่อมาก 😀

ได้กล่าว ถึง 5 ปัจจัย ซึ่งผมมองว่าเป็น เรื่องของ Technical ล้วนๆ
ไม่ค่อยเกี่ยวกับการวาง กลยุทธ์ทาง Business.

 

อันนี้ผมอธิบายให้ผู้อ่านเข้าใจได้ครับ เรื่อง 5 ปัจจัยที่เขาได้กล่าวมานั้น เป็นเรื่องสำหรับเว็บที่มี Authority ที่ดีแล้ว หรือเว็บที่ติดตลาดแล้วนั่นเอง

ส่วนใครที่ยังเพิ่งเริ่มทำเว็บ แต่มาอ่าน Trend ในปี 2017 นี้ ผมคิดว่าผู้อ่าน ต้อง กลับไปที่จุดการทำ Fundamental SEO ให้ชัดเจนก่อน

หรือไป Focus ในเรื่องของ การทำเนื้อหา การตลาดออนไลน์ เชิงกลยุทธ์

ในเรื่องของ 5 ปัจจัย ที่ Link Assistant ได้สรุปรวบมาให้คือ

1. Google’s AMP
2. 301 Redirection
3. HTTPS
4. Citation สำหรับ Local Business
5. Optimizing Voice Search

จาก 1 ใน 5 ที่ผมสนใจมากๆ และทำไปบ้างแล้วคือเรื่องของ Google’s AMP โดยเว็บ Search Monopoly ได้ใช้ Plat form ของ WordPress จึงได้ใช้ Plugin ง่ายๆ ประทังไปก่อน ลองค้นหาคำว่า “AMP for WP” ใน Google นะครับ

amp google mobile plugin wordpress

สำหรับผู้ที่ใช้งาน WordPress อันนี้จะเป็นเรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้งานเว็บ WordPress ของเรา บน Mobile ครับ เป็น Issue หนึ่งของการทำ SEO สาย Technique – Automatically add Accelerated Mobile Pages

การนำ AMP มาประยุกต์ในในกลยุทธ์ SEO

ได้ในเรื่องของ UX. usability ดีขึ้น – เดี๋ยวนี้ SEO ต้องรู้การทำ UX ครับ ไม่ใช่การดันอันดับ
พวกสาวก Backlink คง งง กันอีก เพราะอันดับที่ดี มาจากการขยายพื้นที่การใช้งานที่ดีกว่า และ ข้อมูลที่ Useful มากกว่า
เรื่อง Backlink กลายเป็นของเด็กเล่น หาก SEO ไม่มี Know How เรื่องการทำ UX ที่ดีครับ

พูดง่ายๆ Google แกดัดหลังคนทำ SEO สายดันอันดับครับ – และโชคดีที่ผมเป็น SEO สายทำโครงสร้าง + Usability เนื้อแท้และดั้งเดิม จึงไม่กระทบ เพียงแต่ต้องทำงานหนักขึ้นและสนุกกับการทำงานที่ท้าทายมากขึ้น แต่ข้อเสียคือ “ลูกค้า ที่มีความเชื่อแบบผิดๆ” แบบนี้คุยยากครับ และไม่อยากรับคุยใดๆเลย

AMP Cache

ภาพจาก :
http://www.link-assistant.com/images/news/smx-east-2016-recap/screen-02.png

หลังจากเราได้ลอง ติดตั้ง AMP แล้วทาง LINK ASSIST ได้ให้ข้อมูลทางเทคนิค ให้เราเริ่มทำ
“Enable AMP stats in your Google Analytics account.”
อันนี้ผมยังไม่ได้ทำ เดี๋ยวมีเวลาอ่าน แล้วมาเขียนบทความแชร์ไว้ในคราวหน้านะครับ ส่วนตอนนี้เอง เว็บผมเริ่มเห็น ISSUE บางอย่าง จากการติดตั้ง AMP ทาง Google Search Console แล้วครับ แต่ไม่มีเวลาแก้ไขตรงนี้มากนักครับ

แต่บอกได้เลยว่า เว็บผมยังแย่และไม่เหมาะสำหรับ Mobile ที่มี Screen ขนาดเล็ก และไม่เกิดการแสดงผลในการจัดอันดับของ Google ด้วยครับ

ปี 2017
[MOZ] Mobile-Only, Mobile Index First – ทางเราเห็นด้วยกับการปรับปรุง On-page ให้เป็น Mobile friendly และเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นในปี 2017 ซึ่ง อันดับที่ติดดีใน Google บน Desktop จะแยกการทำ Index กับ Mobile Device อย่างชัดเจน จนเกิด รายงานบน Search Console อย่างเห็นได้ชัด และ Impression ที่ไม่ได้ทำ Mobile-Friendly ทำให้ CTR ตกลง และ Click ต่ำกว่าเกณฑ์ ซึ่งทาง Search Monopoly ก็ได้รับผลกระทบนั้นเช่นกัน
[Recommendation] ให้จัดทำ AMP ช่วยให้การทำงานหน้าเว็บทาง Mobile เร็วขึ้น ซึ่งทางเราพบว่า การพัฒนาเว็บเพจหน้าสำคัญ ทำให้ Bounce Rate ลดลงมากๆและทำอันดับ site wide ได้ดีกว่า

[MOZ] Penguin 4.0 Update. ทำให้ปี 2017 การทำ Backlink ยากมากๆ ซึ่ง บริษัทรับทำ SEO สาย PBN และ Spam Backlink แทบทำอันดับไม่ได้ และทำได้จริงก็ติด Keyword ได้น้อย ระวังไว้ด้วยครับ ยิ่งทำ Backlink ด้อยคุณภาพ การทำอันดับยิ่งแย่ลง และไม่มีผลของการเติบโตทาง Organic Traffic. ให้ระวังการใช้งาน PBN หรือ Link Builder ให้มากๆครับ

[Moz] Voice search ดูแล้ว การใช้งานยังไม่เป็นผลที่น่าประทับใจ กลายเป็น trend ที่แป้กมากกว่า เขา predict มาว่า Voice Search จะมาแรง แต่ทาง Search Monopoly ยังมองว่ามันห่างไกลกับความเป็นจริงมากนัก โดยเฉพาะภาษาไทย คนไม่ค่อยค้นหาทางเสียง แต่มองว่า หาก Google เข้าใจเรื่อง Data และเชื่อมโยงกับเสียง หากทำได้แล้ว พวก Data Markup จะมีผลสูงมาก ควรทำเตรียมเอาไว้

[Moz] Machine and Deep Learning – อันนี้เริ่มมีผลแล้ว แต่ละ Device แต่ละเครื่อง ผลการจัดอันดับทำออกมาไม่เหมือนกัน หากลอง Refresh กด F5 ผลการค้นหาเราอาจหายไปได้ ฉนั้นปัจจัยนี้มีผลมากๆต่อการทำ Organic Traffic และยิ่งทำให้ การสร้างเนื้อหา จำนวนมากๆ เริ่มมีผลมากขึ้น เนื่องจาก ต้องไปสร้าง High CTR จาก Long-Tail Keyword หรือทำให้เว็บเป็น Niche และ เพิ่ม Rate ของ User retention ให้มากขึ้น

 

 

“Seasonal Keywords”

ผมขอเฉลยมายากล อีกอัน ที่นัก “Content Marketing” นิยมนำมาเล่น คือการปั้น Story มาเล่นพวก Seasonal Trend
เป็นกลยุทธ์ อันหนึ่งที่ง่าย กับการทำให้ Brand ติดตลาด อย่างรวดเร็ว

ความจริงแล้ว LOGO Search Monopoly size 45pxSearch Monopoly ไม่อยากมีแผนการดักคนเข้าแบบ Seasonal แบบนี้ครับ เพียงแต่ เห็น หลายๆ เจ้าเล่นกัน เลยอยากเขียนบทความนี้มาเตือนสติให้รู้เท่าทันเกมส์ ของกลยุทธ์การทำ Content Marketing เท่านั้นเอง และในบทความนี้ จะมีสรุปในช่วงท้ายๆ ว่า Trend 2017 นี้ท่านควรทำอะไรกันแน่
และหากท่านยังไม่เหมาะที่จะเริ่มจาก Trend 2017 ท่านเองควรจะไปเริ่มต้นเรียนรู้ที่ใดก่อนต่างหาก อันนี้สำคัญกว่า

การวิ่งตาม Trend ที่ชาวบ้าน ปล่อยออกมา นั่นคือ ท่านกำลังวิ่งตามเกมส์คนอื่นที่เขาปั่นกระแสให้คุณวิ่งแบบหลงทิสหลงทางก็เป็นได้

อยากให้ผู้อ่านคิดดูครับ

มีคนสนใจ พัฒนาการทำอันดับทาง SEO อยู่แล้วประมาณ 200,000 คน
Keyword รายปี มาการเติบโต 2.5%

นั่นหมายถึง 1 story ที่หากินได้รายปี มีมูลค่ามาก

นักการตลาดออนไลน์อาจ Plan เป็นช่วง Seasonal Trend ได้ครับ เช่นปี 2017 นี้

ต้องมีคนสนใจ ทำ SEO แล้วเริ่มมองหา Trend การทำ SEO ปี 2017 ราวๆ 200,000 คน

และ ปีหน้า ต้องมีคนเข้ามาค้นหา อีก 2.5% เติบโตแนวนี้ไปเรื่อยๆ

นั่นหมายความว่า Keyword แบบ Seasonal
เช่น “SEO Trend” + {Year}

“SEO Trend 2017” น่าจะมีผู้อ่านทั้งปี 200,000 คน Retention รายปี 50% = 100,000
“SEO Trend 2018” น่าจะมีผู้อ่านทั้งปี 242,000 คน Retention รายปี 50% = 110,000
“SEO Trend 2019” น่าจะมีผู้อ่านทั้งปี 266,200 คน Retention รายปี 50% = 121,000
“SEO Trend 2020” น่าจะมีผู้อ่านทั้งปี 292,820 คน Retention รายปี 50% = 133,100

ตาม แผนภูมินี้เลยครับ

user-retention-50-seasonal-trend

ผมจะมาเฉลย โดยพิจารณาจาก กราฟ Google Trends แล้วท่านจะ ร้อง อ๋อ โดยทันที

การทำ “Seasonal Trend Keywords” เหมาะกับอะไร ?

เหมาะกับ สินค้า หรือ บริการที่มี “Search Volume” ที่เป็นช่วงหนึ่ง หรือเป็น Season นั่นเอง

เช่น หากเป็น การท่องเที่ยว
10 สถานที่ ท่องเที่ยว ปีใหม่ ที่น่าไป ปี 2560
10 สถานที่ ท่องเที่ยว ปีใหม่ ที่น่าไป ปี 2561
10 สถานที่ ท่องเที่ยว ปีใหม่ ที่น่าไป ปี 2562

Volume พวกนี้เป็น แสนนะครับ มีคนเขียนดักไว้ หรือทำโครงการกันเป็นปีๆ แล้วไปปล่อยช่วงสิ้นปี

พวกนักจัดการดีๆ จะวางแผนเล่นตลาด Seasonal trend ก็จะหา trend รายปี ตลอดทั้งปีมาเล่น และรับงานแบบ short preriod แบบกระจายครับ

ถามกลับว่า ท่านผู้ประกอบการ SME ที่เข้ามาเรียนรู้ ท่านเองนั้น มี Keyword แบบ Seasonal trend หรือยัง ?

มีการทำการวิจัย กลยุทธ์และตลาด ที่ท่านควรเข้าไปมีส่วนแบ่งใน Seasonal trend แบบนี้มากน้อยเพียงใด

ในเว็บ FOBES ก็เช่นกัน ได้สรุปมาคล้ายๆกันครับ เป็นตัวจุดกระแสเลย

http://www.forbes.com/sites/jaysondemers/2016/11/09/7-seo-trends-that-will-dominate-2017/#af786f652308

เขาก็สรุปมาคล้ายๆ กับ Link Assistant คือเรื่องต่างๆ

1. The Rise of Accelerated Mobile Pages (AMPs).
2. The Rise of “Dense” Content.

ประเด็นที่ผมเห็นว่าเขามองต่างคือข้อที่ 3 คือเรื่อง “Google RankBrain”
3. Machine Learning Will Change the Way the Algorithm Works.

เป็น “important factor in the ranking algorithm”มันคืออัลกอฯ ที่คิดคำนวณปัจจัยการทำอันดับใน Google Search Engine จากเรื่องของ Content และ Links
และ Keypoint อันสำคัญที่ผมเห็นใน WikiPedia เขียนสรุปมาให้ เขาได้อธิบายว่า “Never Before Seen Search Queries” ผมเดาๆ กึ่งๆใบ้ว่า Google อาจ Learn user Behavior ระหว่างการค้นหา ในแต่ละบุคคล และ เรียนรู้เข้าใจ Mind ของบุคคลนั้นๆ ที่ค้นหา จากพฤติกรรมการค้นหา กลุ่ม Content ในระดับปักเจก ซึ่งที่ใบ้มานี้ ผมเอง กุมความลับอันนี้มานานมากครับ เรื่อง Semantic Search และเรื่องของ การทำ DATA Input ที่ทางวงการเรียกว่า SEO Text โดยเราจะเน้นการวิจัยข้อมูลเชิงลึก ที่เรีกว่า Zipf’s LAW ซึ่งจะมาเป็นหลักประยุกต์ เรื่องของการทำ “Content is King” ของแท้ๆ ในแบบ การทำข้อมูลเชิงโครงสร้าง

พูดให้เห็นภาพง่ายๆ

คนที่จบ ด๊อกเตอร์ทางด้านเคมี จะมีชุดรูปแบบการค้นหาอีกแบบ
กับคนที่เป็นนักแสดง ก็จะมีชุดการค้นหาอีกแบบ

นี่แหละ เริ่มเข้ามาสู่ ระบบคิดของ Google Search
คนเรา ต้องการผลลัพธ์ในการแสดงผลที่แตกต่างกัน เกิดเป็น Persona หรือ user identity

คนสองคน ค้นหา คำว่า “Movies” คำเดียวกัน อาจได้ผลจัดแสดง ใน Position ต่างๆ ที่แตกต่างกัน

Term แรก Movie อาจจะชัด แต่ผลการค้นหา ตำแหน่ง ที่ 4, 5, 6, 7, อาจแสดงรูปแบบ “Result” ที่แตกต่างกัน

นั่นคือความยากของการทำ SEO ในยุคหลังปี 2017
เนื่องจากกว่า นวตกรรมเรื่องของ Micro Moment เริ่มเข้ามาแทน และ Google Search จะเข้าใจในตัวบุคคลมากขึ้น

คนที่จบ ด๊อกเตอร์ทางด้านเคมี อาจจะชอบดูหนังและอยากดูหนัง และ สนใจเรื่องหนัง Sci-Fi
แต่คนที่เป็นนักแสดง อาจชอบอีกแบบ หรืออาจกำลัง ศึกษา งานแสดง ของ ปรัชญา หรือ เทคนิคอะไรลึกๆของเรื่องการสร้างหนัง

ฉนั้น ผลการแสดง อาจออกมาไม่เหมือนกัน จากการเก็บพฤติกรรมการค้นหา และ CTR แต่ละ Page ที่แตกต่างกัน

ผมไม่ได้กล่าว ลอยๆ ไอ้ Metric นี้ มันมีมาแล้วใน Google Analytics อาจเป็นตัวยืนยัน ในสมมติฐานที่ผมได้กล่าวไว้ใน เนื้อหาบทนี้

ฉนั้นแล้ว การทำ SEO ในปี 2017 ไม่ใช่การสร้าง Backlink แล้ว Key Focus ก็ต้องกลับมาที่ UX เป็นปัจจัยหลักๆ และเรื่องของการพัฒนา Content ให้มี Theme ของมัน ทุกๆส่วนประกอบ อาทิ Inputs, Quality Control, โครงสร้าง การแสดงเนื้อหา ชุดขอบเขตของเนื้อหา แหล่ง Citation ที่ได้เข้ามา

และความเป็น Dynamic ของ แหล่ง Citation เองก็ตาม จะเป็น key ในการคำนวณ การแสดงผลบนหน้าจัดอันดับของเว็บเรา

การจ้างทำ SEO แบบติดที่ 1 กำลังทำลาย ธุรกิจของคุณเองด้วยซ้ำ เพราะแหล่ง Citation ก็จะทำลาย รูปแบบการแสดงผลที่สมควรไปแสดงให้ตรงจุด

ตามที่ Trend SEO ในปี 2013 ได้กล่าวไว้ว่า “SEO is Dead” Long live the “Content” ซึ่งมันมาจริงๆ และพวก บริษัทรับทำ SEO ก็กำลัง ดิ้นแบบเฮือกสุดท้าย เพราะ PBN เหล่านั้น ไม่ตอบโจทย์ในการทำ SEO สำหรับยุคต่อๆไป

LOGO Search Monopoly size 45pxแนวทางการทำ SEO ในปี 2017 ในแบบฉบับ Search Monopoly

Market Retentions

ประเด็นแรกที่นักการตลาดออนไลน์ ควรจะคิด คือเรื่องการเขียนเนื้อหา ที่มี sense ของการ commit ให้ user กลับเข้ามาอ่านใหม่

Fact Based Oriented – ขายของแบบไม่ขาย คืองาน SEO

มีนักธุรกิจท่านนึง กล่าวไว้โดนใจผมมากๆ คือ การให้ข้อมูลที่ไม่ใช่ Hard Sale แต่สำคัญคือเข้าไปนั่งอยู่ในใจของผู้ใช้งานเว็บ การตลาดออนไลน์ ในยุค 4.0 และปี 2017 คือการ แก้ไขปัญหา ของการทำเนื้อหา ที่เราหลงผิดมานาน ตั้งแต่สมัย SEO เริ่มดังในไทย เนื่องจาก นักการตลาดออนไลน์ ให้ความสำคัญกับการทำอันดับที่มากเกินไป และได้ focus เป้าหมายผิดๆ จนไม่เกิดแรงกระเพิ่ม ให้ผู้ใช้งานมองเห็นถึงคุณค่าที่จะต้องเสียเวลาเข้ามาอ่านเรียนรู้ หรือค้นหาอะไรใน content ในเว็บนั้นๆ ส่วนใหญ่มีแต่กิจกรรมขายของในเว็บไซต์ของตนเองเท่านั้น

การทำให้ content สร้าง community

เรามีเว็บ ไม่ได้หมายถึง จะทำให้คุณอยู่เพียงตัวคนเดียว การมีเว็บ ไม่สามารถขายของด้วยตัวมันเองได้ — สิ่งสำคัญที่ Search Monopoly เห็นเป็น key Success คือการทำ content เชิงการสร้าง community ด้วย นั่นคือ งานที่มาจากแนวคิดของการประชาสัมพันธ์นั่นเอง

มีความสนุกกับการทำเนื้อหา การทำ SEO ควรมาจากการให้

หลังจากเขียนอธิบายเรื่อง ข้อมูลเชิง FACT ว่าเป็นหัวใจของการทำการตลาดออนไลน์ — การทำ Brand ในปี 2017 คือการสร้าง Community และความสนุกกับการให้ความรู้ผู้เข้ามาอ่าน

ถ้าคุณผู้อ่าน ลืม และเลิกตามกระแส Trend ที่พวก SEO Agency เรียกร้องกันมาทุกปี แล้วกลับมาตั้งหลักการทำ SEO ในรูปแบบตนเอง โดยประสาน แนวคิดที่พวกเขาเอามาแชร์เหล่านั้น แต่ไม่จำเป็นต้องวิ่งตาม Trend ปี 2017 ที่เขาสรุปมาจากแหล่งต่างๆ อย่างรีบด่วน ทาง Search Monopoly เองก็มองเพียงว่า Trend Topic ที่เขาได้กล่าวสรุปมาให้เป็นเพียง Issue Topic ในเรื่องของการทำ Quality Control หรือเป็นแค่ SEO Policy เท่านั้น ซึ่งหมายความว่า มีไว้ก็ได้ หรือควรจะมีไว้ กลับมาต้องมาที่ SEO Operation Plan ว่าเราได้ระบุอะไรลงไปไว้แล้ว เป็นทิศทางที่ชัดเจน เว็บบางคน ยังไม่ผ่านการพัฒนาแผนการทำ SEO ตั้งแต่ Policy ที่เขาสรุปมาตั้งแต่ 2010 แต่ดันจะกระโดดมาทำ trend 2017 อันนี้ผมมองว่า คุณค่อนข้าง Failed เลยทีเดียวครับ

อย่ากระโดดไปกระโดดมาครับ ทำ SEO Issue ให้ผ่าน 100 สิ่งแรกก่อนให้ได้ครับ จึงจะมองมองอันอื่น และ 1 ใน 100 ที่ผมแนะนำ และถามย้ำๆ คือ

  • Site Structure ดีหรือยัง ?
  • อีกอันหนึ่งคือ Citation Authority คุณแข็งแรงมากพอหรือยังครับ ?

ถ้า 1 ใน 2 อันนี้ ยังไม่แข็ง อย่าริอาจ อ่านบทความนี้ครับ

หลักการของธุรกิจออนไลน์-สำหรับการเติบโตที่ดีกว่า

การทำ ธุรกิจออนไลน์ ไม่ใช่แค่เพียงเรื่องการทำโฆษณาเท่านั้น ผู้ประกอบธุรกิจออนไลน์ส่วนใหญ่เข้าใจผิด
การทำธุรกิจออนไลน์ ต้องพัฒนาเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น
ใช้เครื่องมือ ที่เรียกว่า Website ให้เป็นเครื่องมือในการติดต่อประฏิสัมพันธ์กับผู้คนให้ได้

Online Business Benefits

การทำธุรกิจทางออนไลน์ ควรจะตั้งเป้า ให้ได้อย่างน้อยดังต่อไปนี้
มีคนโทรเข้ามาสอบถามสินค้า จํานวน 1-5 ราย ต่อวัน ภายในระยะ การพัฒนา 9 เดือน
สะสมลูกค้าเก่า ที่เป็นกลุ่ม จัดซื้อ และ เจ้าของกิจการ หาฐานลูกค้า ไม่ตํ่ากว่า 40,000 ราย

อันนี้คือการกำหนดเป้าหมาย ที่จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่ทำธุรกิจออนไลน์ หากไม่มีเงินทุนมาก เราควรเรียนรู้รูปแบบการทำธุรกิจออนไลน์ในเชิงกลยุทธ์

เปรียบเทียบ โฆษณา PPC AdWords – SEO Organic – E-mail Marketing

ใช้ผิดวิธี – แพ้ทุกสนามรบ ยุทธศาสตร์การวางแผนทางการตลาดออนไลน์ เข้าใจ เครื่องมือและวิธีการที่แตกต่างกัน อย่ายึดติด แค่แนวคิด แต่ให้นึกสภาพรวม

เปรียบเทียบ ชั้นเชิงทางเทคนิค 3 Channels เราจะเข้าใจมิติของโลกออนไลน์ ในหลายๆมิติ ที่แตกต่างกันออกไป
การทำการตลาดออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพ ควรใช้เครื่องมือให้ถูกที่ถูกทาง ตรงกับกาละเทศะ และมีแผนระยะยาว
ก่อนอ่านบทความนี้ แนะนำให้ลอง กลับไปอ่านเนื้อหา "Web Traffic Checking" เพื่อเข้าใจหลักการ 3 ประสาน ในเรื่องของการพัฒนาช่องทางการตลาดออนไลน์ ให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในเชิงคุณภาพ แบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป ในโอกาสต่อไป Search Monopoly จะพัฒนาเนื้อหาเชิงลึกในการทำความเข้าใจ User Behavior โดยใช้ Google Analytics เพื่อพัฒนาช่องทาง ทางการตลาดออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ก่อนอื่น จงอย่า ยึดติดกับ ช่องทางการตลาด ช่องทางเดียว

และ ทำให้หวังผลทาง Organic Traffic แล้วเราจะเหนื่อยน้อยลง

e-mail-marketing-work-style
E-Mail marketing เปรียบเสมือนปืนกล ในสนามรบ

1.) E-Mail Marketing

เป็นอาวุธหนัก อย่างปืนกล ที่ใช้ยิงในระยะประชิด - ยิงเพื่อหวังผล และยิงตัดกำลัง การยิง E-mail ในโลกการตลาดออนไลน์ จะยิงกวาดเรียบ ในตำบลเป้าหมาย ฉนั้นแล้ว Target จะต้องมีความสนใจใน Offer ของเราในระดับหนึ่ง มิเช่นนั้น เราจะกลายเป็น Spam.

การทำ E-Mail Marketing จะเน้น 2 รูปแบบเป็นหลัก คือ a.)ก่อนจะรู้จักกัน หรือ b.)รู้จักกันพอสมควรแล้ว

แผนการตลาดทาง E-mail ทั้ง a และ b ก็แตกต่างกันแล้ว อย่างที่เราเห็นบ่อยๆ ตามเว็บ Booking หรือ Flight Ticket มืออาชีพ
ที่ทาง Search Monopoly เองเห็นว่า นักวางแผนกลยุทธ์ ของทาง Air - Asia นั้นฉลาดมาก และวิธีการสุดแยบยล ที่เป็นการตลาดแบบอ้อมๆ ที่ไม่ได้เน้น Hard Sale จนเกินไป ทำให้เราวางใจใน Offer ของพวกเขาเป็นอย่างมาก และพร้อมที่จะ ใช้งาน Air - Asia ต่อๆไปในโอกาสข้างหน้าอย่างไม่รู้ลืม

นั่นคือแผนชนะใจ โดยใช้ชุดปืนกล ในแบบที่ Offer หรือการขายสินค้าแบบ PPC หรือ AdWords นั้นทำไม่ได้ดีเท่า การดึง Traffic จาก E-mail Marketing ต้อง Prove ให้ได้ว่ากลุ่ม ที่เราส่งไปมีความเป็น Loyalty พอสมควร

คำถามจากผู้ประกอบการ SME คือ -- ทำอย่างไรหล่ะ ที่จะทำให้ User ในเว็บเรา มีความเป็น Loyalty ขึ้นมา ?

คำถามนี้จะมีคำตอบ ในตลาสเรียน Google AdWords ฟรี ใน Lecture ต่อๆไป โปรดติดตาม และหากอยากเรียนรู้ การวางกลยุทธ์ให้แผนธุรกิจออนไลน์ เราเติบโตอย่างยั่งยืน แนะนำให้เข้ามาเรียนรู้ร่วมกันที่
"Free GoogleAdword Course เรียน แอดเวิร์ดฟรี"

AdWords PPC ใช้เชิง ซุ่มยิง
AdWords PPC ใช้เชิง ซุ่มยิง อย่าง Sniper

2.) PPC หรือ โฆษณา Google AdWords

 

การทำโฆษณา PPC เป็นแบบ Pay Per Clicks ฉนั้น ยิงเพื่อหวังผลอย่างเดียว -- เคยได้ยินไหม กระสุน Sniper 1 นัด เท่ากับ 1 ชีวิต การโฆษณา แบบ Pay Per Click ต้องอาศัยความแม่นยำเป็นพิเศษ

 

อย่าเอาการทำ โฆษณาแบบ PPC มาปั่นยอด Clicks สูงๆ หรือเน้นการทำ Traffic จำนวนมาก จาก PPC หากไม่พัฒนาช่องทางการเติบโตทางช่องทางอื่น ธุรกิจของคุณจะโดนตีกระหนาบ และ ตายในสนามรบทางธุรกิจ เนื่องจาก กระสุน PPC นั้นมีต้นทุนที่สูงมาก และมีการประมูลของ Keyword ที่มีมูลค่า การ Offer ของเราต้องคมจริงๆ และ Ads Text จะต้องบ่งบอกคุณลักษณะสินค้าและบริการที่ชัดเจน อีกทั้งต้องรู้ใจ อย่างชัดๆ ว่าคลิ๊กแล้ว ต้องมาพิจารณาเพื่อ ซื้อ หรือ ติดต่อเข้ามาแน่ๆ ฉนั้น การทำ PPC ต้องตั้งอยู่บนพื้นที่ Webpage ที่ทำเลดีจริงๆ (Best Landing Page - Best Offer) ไม่ใช่การมาเพื่อทำ Selections หรือมาดูๆ แล้วก็ไป แล้วก็ลืม พยายามจับ จังหวะ โอกาส หรือแนวทางที่จะ Offer ให้เขาเข้ามาซื้ออย่างจริงจัง 

 

 

SEO work style
การทำ SEO เสมือนการใช้ ปืนใหญ่ ยิงทั้งตำบล หวังผลทำลายล้างสูง

3.) การทำ SEO คือการยิงด้วยกระสุนปืนใหญ่

รูปแบบการพัฒนาช่องทางการทำการตลาด เพื่อเพิ่มปริมาณ Organic Traffic จะใช้ระยะเวลาที่นาน และยิงทีละนัด แต่หนักแน่น หวังผลแบบทั้งตำบล ชนิดที่เรียกว่า ค้นหาเราก็เจอเราในทุกมิติ การทำ SEO ใช้ระยะเวลานานมาก เสมือนดั่งเช่นการ Re-Load กระสุนปืนใหญ่ ที่ใช้เวลานานกว่า การยิงด้วย Ads หรือ E-mail ที่เปรียบเสมือน ปืนกล และ Sniper 

การทำ SEO คือที่สุดของการตลาดออนไลน์ เพราะจะเพิ่มมูลค่าเว็บสูงมากๆ การพัฒนาเนื้อหาให้ติดอันดับในทุกมิติของสินค้าและธุรกิจของเรา บวกกับการขยายขอบเขตุการค้นหาอย่างไม่สิ้นสุด ต้องอาศัยการวางแผนที่ดี การคิดทบทวนที่ดี และการเขียนบทความทางเทคนิคอย่างมืออาชีพ เพื่อ Keep Usability และ User Retention อย่างต่อเนื่อง

 

การที่ User เข้ามาใช้ช่องทางการค้นหาทาง Organic ของเราอย่างซ้ำๆ จะเป็นการปั้น brand ให้คนรู้จักในระยะยาว ลองสังเกตเว็บใหญ่ๆ Brand ใหญ่ๆ เราจะเห็นพวกเขาเสมอเมื่อค้นหาใน Google และ พบเห็นบทความที่เกี่ยวข้องกับ Keyword ที่เราค้นหาอยู่ประจำ

usability

มาเข้าเนื้อหาทางวิชาการกัน

เราจะเห็นได้ชัดว่า จากค่าสถิติในตาราง ช่วงนี้ เน้นการโพสฟรี ใน Facebook Group จึงได้ผู้ใช้งานที่ติดตามอ่านเข้ามาจำนวนมาก แต่จริงๆแล้ว เราควรเน้นช่องทางอื่นให้มากกว่า โดยเฉพาะ Referral Traffic ที่จะเป็น เมล็ดพันธุ์เพาะบ่มให้ เกิดการเติบโตอย่างสม่ำเสมอ

จากการทดลอง และ ค้นคว้ามากจากหลายๆตัวอย่าง การดึง Traffic จาก Social Channel นั้น บอกตามตรงว่าเหนื่อยกว่า ช่องทางอื่นมากๆ และโอกาสปิดการขายที่น้อยกว่า โดยเฉพาะในงานทางด้าน บริการ ที่ยากยิ่งจะเข้าใจ และ ไม่ Match กับกลุ่มประชากร ตามหลักการของ Social Marketing

ผู้ที่มาใช้งาน ส่วนใหญ่ที่เข้ามาในเว็บนั้น มักจะมีประสบการณ์ในการทำ Online Marketing มาเป็นอย่างดีแล้ว หรือมี Experience แล้วทั้งนั้น ซึ่ง Traffic ที่ได้มาในช่องทางดังกล่าว อาจจจะยังไม่ตรงกลุ่มนัก

แต่แผนระยะยาว ที่ได้พัฒนาอยู่นั้น คุณจะเห็นได้ว่า มีช่องทางทาง Direct และ Referral เป็นเรื่องของ สามประสาน ที่จะทำให้เกิด Organic เป็นแรงกระเพื่อมจากการเติบโตที่จะตามมาในอนาคต นี่คือการหว่านและเพาะปลูกเมล็ดพันธุ์ที่สำคัญยิ่ง

 

เนื่องจาก ยอดโทรเข้ามาสอบถามจำนวนมากนั้น ส่วนใหญ่ล้วนมาจากการค้นทางทาง Organic

ส่วน PPC นั้น เหมือนว่า จะอยู่ในตำแหน่งที่ 1 บน Google แต่ให้นึกถึงตัวท่านเอง และหลายๆคน ในโลกความเป็นจริงแล้ว มักจะมองข้าม Ads PPC ไปก่อน และเลือกการ Click ที่ Organic เพื่อเรียนรู้เนื้อหา และ บทความที่น่าสนใจก่อนจะกลับมา โดยบังเอิญ หรือไม่พบสิ่งที่น่าสนใจพอก็จะมาเลือกคลิ๊ก Ads.

โดยส่วนใหญ่แล้ว พวก Internet User ที่มีประสบการณ์ในเรื่อง IT อย่างดี มักจะแยกออกว่าอะไรคือ Ads อะไรคือ Organic Result.  

ปัญหา SME ในโลก ยุคดิจิทัล กับภัยร้ายทางการตลาดออนไลน์

ปัญหาของ SME ที่ไม่ได้รับความรู้การทำการตลาดออนไลน์ ที่เติบโตอย่างยั่งยืน ไร้ทิศทาง และ ขาดโอกาส จนเสียเปรียบทางธุรกิจ และกำลังจะล่มสลาย

โลกของ Digital Marketing ที่กำลังเติบโต จนกลายเป็นภัยร้ายระบาดชีวิต ความสุขสงบที่ควรจะเป็นของชีวิตประจำวัน สภาพโดยรวมของการตลาดออนไลน์ในไทย ได้เปลี่ยน และพลิกแพลงไปในรูปแบบที่ พิศดาร หวือหวา และ โจ่งครึ่ม เนื่องจาก การเติบโตในสายวิชาชีพนี้ ไม่มีมาตรฐานคุณภาพมารองรับ และ เด็กรุ่นใหม่ ในวงการนี้ได้ถูกผลิตออกมาสู่อุตสาหกรรม Digital Marketing เป็นจำนวนมาก โดยที่พวกเขาอยากทำอะไรเข้าง่ายเอาไว้ ไม่หมั่นศึกษาเทคนิคระดับสูง หรือเก็บเกี่ยวประสบการความยากลำบาก ที่จำเป็นจะต้องเพาะบ่มโดยใช้ระยะเวลา และกระบวนการทำการตลาดออนไลน์ อันยาวนาน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม

พวกเขาจึงยึดติดในสิ่งที่ทำได้เสร็จแบบเร็วๆ และไม่มีผลเป็นรูปธรรม ไม่มีความยั่งยืน สำหรับเพื่อที่จะตอบกลับคุณค่าทางธุรกิจของผู้ประกอบการในธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างเช่นใน Facebook มักจะมี พวกที่ชอบแต่งตัวโป๊ๆ โชว์เรือนร่าง แล้วออก Live เพื่อเรียกยอดเข้าชม อีกทั้งมีการเปิดเวลาสัมมนาสอนการตลาดออนไลน์ในแบบที่จับต้องได้ยาก ขายคอร์สอบรมที่ให้แต่ความรู้พื้นฐาน ไร้กลยุทธ์ ไม่สามารถนำไปใช้งานได้จริงๆ และไม่เปิดโอกาสที่ดีพอให้ผู้เรียนรู้ได้ทำความเข้าใจถึงอุปสรรค ความยากง่าย และ สิ่งที่ต้องพึงกระทำอย่างสม่ำเสมออย่างเป็นระบบ อย่างมีแบบแผน

SME ขาดปัจจัยอะไร ?

  • ผู้ประกอบการ ธุรกิจ SME ไม่รู้จัก Internet Scam
  • ผู้ประกอบการ ธุรกิจ SME ไม่รู้จัก รูปแบบการ Spam
  • ผู้ประกอบการ ธุรกิจ SME ไม่รู้จัก อาชญากรรม Fraudulent
  • ผู้ประกอบการ ธุรกิจ SME ไม่รู้จัก การสร้างแผนการพัฒนาธุรกิจออนไลน์
  • ผู้ประกอบการ ธุรกิจ SME หลงไหลในเรื่องความสำเร็จของกิจการตัวอย่าง ที่ถูกปรุงแต่งมาแล้ว
  • ผู้ประกอบการ ธุรกิจ SME หลงเชื่อรูปแบบการตลาดที่เกินจริง (Over Advertising)
  • ผู้ประกอบการ ธุรกิจ SME หลงเชื่อคำโฆษณา ที่มักง่ายไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน
  • ผู้ประกอบการ ธุรกิจ SME ไม่มีความรู้ที่เป็นแบบแผน (Process)
  • ผู้ประกอบการ ธุรกิจ SME ไม่ตระหนักถึงความยากและรายละเอียดในการพัฒนางานเชิงคุณภาพให้ก่อเกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืนกว่า

 

  • สังคมไทย ไม่มีใครตระหนักหรือตื่นตัวเลยว่า ยุคดิติทัล ในช่วงปีหลังมากนี้ ตั้งแต่กระแสโชเชี่ยลที่มาแรงราวสายฟ้านั้นตะทำให้ Ethic ของนักการตลาดออนไลน์ลดลงไปมากเหมือนกัน มีการขายคอร์สสัมมนาราคาแพงๆ แต่ไม่มีการให้ความรู้ผู้ประกอบการอย่างจริงจัง
  •  

    ปัญหาจากการพัฒนาเว็บที่ไม่ได้มาตรฐานในการเติบโตทางการตลาด

    • การทำเว็บที่ไม่มีมูลค่า รับงานให้เสร็จไปเร็วๆ ทำงานแบบโรงงานผลิตที่ไม่มีมาตรฐาน ทำให้เสร็จๆไปเร็วๆ ไม่สมกับสื่อที่โฆษณาออกมาจาก Agency บางราย ที่มักกล่าวอ้างสรรพคุณ เรื่องการทำเว็บทำให้ยอดขายกระฉูด หรือรวยเป็นล้าน จากการมีเว็บไซต์ เป็นต้น

    การทำเว็บไซต์เพื่องานประชาสัมพันธ์และการตลาดนั้น ต้องอาศัยพลังในการผลิตชิ้นงานในเรื่องของการทำ เนื้อหา หรือ “Content Marketing” อันเป็นศาสตร์ของความยั่งยืน ที่เราจะต้องพิจารณา เนื้อหาที่เข้ากับสินค้าและบริการของเรา แต่ทั้งนี้ ที่เห็นในวงการ คือการผลิตเว็บไซต์ ออกมาจำนวนมากๆ จนสมัยนี้ ใครๆก็สามารถมีเว็บไซต์ธุรกิจเป็นของตนเองได้อย่างง่ายภายใน 7 วัน แต่หารู้ไม่ว่า การทำเว็บไซต์จำเป็นต้องมีการทำการค้นคว้าวิจัย พฤติกรรมของคนเข้าเว็บ เช่น Traffic Analysis , User Behavior Analysis ซึ่งในเว็บขององค์กรใหญ่ๆ จะมีผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์พฤติกรรมการเข้าชมเว็บไซต์ของบริษัท

    SME หรือผู้ประกอบการที่ไม่มีความรู้ และขาดโอกาสสำคัญยิ่งจึงกลายเป็นเหยื่อของภัยคุกคามอีกรูปแบบนึง คือผู้ให้บริการที่เน้นทำเว็บไซต์ให้เสร็จเร็วๆ โดยที่ไม่ได้ให้คำแนะนำเพิ่มเติม จนมีปัญหาจุกจิก ที่จะตามมา เช่น ไม่มีศักยภาพในการทำอันดับ ไม่สามารถทำให้คนเข้าชมเว็บไซต์ของเราได้อย่างดี หรือมีการออกแบบเว็บที่ ไม่ดีพอสำหรับการใช้งาน กลายเป็น แผ่บพับหรือใบปลิวที่ไร้มูลค่า

    ประสบการณ์ที่ผ่านมา เจอเว็บโรงงานหลายๆแห่ง ที่ไปจ้างผู้จัดทำเว็บไซต์ที่ไม่ได้ให้ความสำคัญในการพัฒนา Platform ของตนเอง ให้มีคุณภาพ เมื่อเราได้ทำการตรวจจับเว็บไซต์และ Monitoring ผู้เข้าใช้งานกลับพบว่า มีการเข้าชมเว็บไซต์ของผู้ประกอบการโรงงานรายนั้นๆ เพียงแค่ 20 – 40 คนต่อปี เท่านั้น

    นี่จึงกลายเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย และน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งสำหรับ SME ในไทยในโลกดิจิทัล ที่เรากำลังอวยกันเองไปว่าเป็น ดิจิทัล 4.0
    แต่การให้และความจริงใจนั้นเราต่ำกว่ายุค 0.0 เสียอีก เพราะมีแต่ผู้แสวงหาเพื่อมากอบโกย อย่างไม่เป็นธรรม ในทางจรรยาบรร ของผู้ให้บริการ ควรที่จะให้คำปรึกาาและแนะนำที่ดีก่อนที่จะชักชวนมาปิดการขายหรือรับทำโครงการ

    เรื่องของการกำหนด Spec. หรือ Web site Requirement เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเรียนรู้ และ ศึกษาก่อนตัดสินใจที่จะใช้บริการต่างๆ ในด้านการพัฒนาเทคโนโลยี และ การตลาดออนไลน์

     

     

    ความฉาบฉวย ในอุตสาหกรรม Social Media

    Social Media มักมีแต่พวกหน้าม้า หลอกให้ทำโฆษณา ทาง Social Media ที่เป็นกระแส ไม่ยั่งยืน เน้นจำนวน Page Views มากๆ

    บางสำนัก มีการระดมนักรีวิวจำนวนมากที่โก่งค่าตัวเพื่อหวังผลการโฆษณาประชาสัมพันธ์ โดยไม่ได้ยึดหลักความสมเหตุสมผลในเรื่องของการวัดประสิทธิภาพ หรือ Marketing Impact อย่างชัดเจน

    วงจรอุบาทว์ อีกหลายอย่างอาทิเช่น การ Scam พวกครีมหน้าขาว และธุรกิจเครื่องสำอาง เสริมความงามที่ไม่ได้รับมาตรฐาน
    มักจะเอา พวกนางแบบ หรือ หญิงสาว ที่กล้าแต่งตัว แบบโชว์หุ่นเรือนร่าง และใช้ความหยาบกระด้างในการกระตุ้นอารมณ์ (Sexual Motivation)

    เมื่อลองวัดผล Performance ในช่องทางเหล่านั้น กลับไม่สามารถวัดค่าเชิงประสิทธิผลทางการตลาดได้อย่างชัดเจน แต่ก็มีคนหลงเชื่อ ด้วยคำกล่าวอ้าง ในสรรพคุณ หรือ Image ของตัวบุคคลนั้นๆ จนทำให้ นักธุรกิจที่หลงผิด ใช้บริการ และเกิดรายจ่ายที่บานปลาย ไม่สามารถพัฒนาธุรกิจของตนเองให้เติบโตได้
    เม็กเงินเหล่านี้ ไหลเข้าสู่ นักการตลาดออนไลน์ที่ฉาบโฉย หวังหากินจากความไม่รู้เท่าทันของผู้ประกอบการ SME นั่นเอง

    คอร์สอบรม สัมมนา แบบขายฝัน ในโลก Digiatal Marketing ถูกผลิตออกมามากมาย

      หลังจากทำงานในวงการ Internet Marketing มากว่า 8 ปี Search Monopoly ได้เห็นสภาพ ทั้งความจริง และ ความลวง ของอุตสาหกรรม การตลาดออนไลน์ของประเทศไทย

       

       

      LINK ที่น่าสนใจ
      http://fortune.com/2015/07/01/online-advertising-fraud/
      https://www.justice.gov/criminal-fraud/mass-marketing-fraud

       

    Outcomes Analysis – The War Room

    ทำ Adwords เพื่อศึกษา Outcomes ที่เกิดขึ้น และนำมาพัฒนากระบวนการสร้างเนื้อหา และ โครงสร้าง Website ให้ตอบโจทย์การทำ SEO อย่างเห็นผล

    บทความนี้สำหรับผู้ที่เรียน คอร์สอบรม Google Adwords Free

    บทความนี้เป็นเนื้อหาที่คัดมาบางตอน ในเรื่องของการพัฒนา Traffic จากเหตุผลการซื้อ และ เหตุผลของการขาย จากการวางแผนเรื่องการจัดวางเนื้อหา

    การพัฒนา Content เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน ซึ่งควรเข้ามาเรียนรู้ที่ Lecture 001 – The War Room

    เริ่มจาก บทสรุปการเติบโตทาง Organic ก่อน เนื่องจาก กลยุทธ์ของ The War Room จะต้องเน้นการพัฒนาเนื้อหา ที่มีความสำคัญให้แก่ผู้ใช้งานจริงๆ

    เว็บที่มีการผลิตเนื้อหา ตามการวางโครงสร้างที่ตอบโจทย์ และ มีประโยชน์จริงๆ กับผู้ที่ต้องการเข้ามาค้นหาเท่านั้น จึงจะสามารถพัฒนาการทำอันดับได้ดียิ่งขึ้น แม้ว่าจะใช้เวลานาน แต่เติบโตอย่างไม่สิ้นสุด ซึ่งจะช่วยประหยัดงบประมาณ ในการทำ SEO ได้อย่างดีเยี่ยม

    เว็บ Search Monopoly ได้ทำการวาง Position ตนเอง เรื่องงานสอนการทำ Google Adwords ให้ผู้ประกอบการ SME อย่างฟรีๆ

    ซึ่งแผนกลยุทธ์นี้ จะต้องเริ่มจากที่เราได้เรียนรู้ในเรื่องของการพัฒนา Business Canvas ซึ่งเป็นหลักสำคัญในการนำมาสร้างเนื้อหา เพื่อการเติบโตให้แก่การใช้งานของผู้ใช้งานในเว็บ ที่ต้องการเข้ามาเรียนรู้ การทำการตลาดออนไลน์ ในปัจจุบัน และอยากเน้นย้ำว่า ยุคนี้ การทำการตลาดออนไลน์ ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป ต้องอาศัยระยะเวลาในการเพาะบ่มอย่างยาวนาน ไม่สามารถทำแบบวิธีเก่าๆได้อีกแล้ว เพราะตลาดมีการแข่งขันที่สูงมาก ซึ่งค่าตัวของนักการตลาดออนไลน์ ในสาย SEO Specialist ก็ยิ่งเติบโตตามความต้องการของตลาด โดยเฉพาะยอดฝีมีที่รู้การวางกลยุทธ์ และกระบวนการทำงานแบบครบวงจร

    STEP ที่ 1.

    ดู Overview ของ Impression ใน Google Webmaster Tool ก่อน

    เหตุผลที่เราจำเป็นต้องดู – เพราะว่า การพัฒนา Scale การตลาดของเรา จะต้องเน้นคำว่า “Visibility” หรือการมองเห็นของผู้ใช้งานเป็นหลัก จึงจะค่อยๆ เข้าไปดูเนื้อในของมันอีกที ว่าการเติบโตของค่า Impression มันโตเพราะเหตุผลอย่างไร ?

    มีนักการตลาดออนไลน์ และ นักทำ SEO หลายๆราย ที่มัก โกงมูลค่า Impression อย่างไม่สมเหตุสมผล นั่นทำให้ธุรกิจของคุณ พังได้เช่นกัน เช่นการปั๊ม Traffic หรือจำนวน Page Index ใน SERP จำนวนมากๆ เพื่อดึง หรือ ยกระดับค่า Impression ให้สูงโดดขึ้นอย่างไม่สมเหตุสมผล นั่นทำให้เว็บคุณ พัฒนาในเชิงคุณภาพทำได้ยากขึ้นมาอีก จากประสบการณ์ของ Search Monopoly เราพบว่า มีเว็บบริษัทใหญ่ๆ หลงกล ในการใช้วิธีนี้มาเป็นจำนวนมากมายนัก และไม่ได้ก่อให้เกิดการใช้งานจริงๆ ของ Users หรือ ลูกค้าของเรา และการ ปั๊มค่า Impression ที่เกินความจริง เพื่อเรียกค่าจ้างเยอะๆ จาก บริษัทผู้รับทำ จะยิ่งทำให้อันดับตกอย่างรวดเร็วในอนาคต

    seo-progress-impression-2016-november

    • หลังจากการพัฒนา เนื้อหาจำนวน 5 บทความคุณภาพ เขียนจากการ Research จริงๆ และ ทำคู่ขนานกับแผนการพัฒนา Business Canvas – เราจะพบว่า การร่างเนื้อหา เพื่อนำมาทำเป็นโครงสร้างเว็บไซต์ จะมีส่วนสำคัญในการ PUSH ให้ค่า Impression เกิดการ SHIFT ได้อย่างง่าย
    • การคิดเผื่อ User ว่าเขาต้องการเรียนรู้อะไรเพิ่มเติม จะเป็นอีกปัจจัยที่จะทำให้เขาเข้ามาเรียนรู้เพิ่มเติมอีก

    การวิเคราะห์ Impression

    ช่วง 90 วันที่ผ่านมา เว็บมีการเติบโตอย่างสูง แต่ปัญหาเดิมที่ได้ เขียนไว้ใน Analysis ในคลาส War Room ทำให้เราทราบว่า เว็บของเรานั้นยังทำเรื่องการใช้งาน Usability ยังไม่ดีเท่าทีควร และยังไม่มีเนื้อหาในการทำ Landing Page ที่คมพอที่จะได้ยอดโทรเข้ามาสอบถาม หรือการทำ Lead Generation.

    Positive Signal – มีการเติบโตทางด้าน Impression สูงมาก

    สิ่งที่เราต้องคิดต่อในใจ = เพิ่มจำนวนบทความ สำหรับเหตุผลการซื้อ และ เหตุผลการขาย ให้เป็นในรูปแบบโครงสร้างย่อย และจัดทำ Silo Page.

    Actionable Plan = เขียนบทความเพิ่มเติม และเขียน Lean Action Plan หลังจากจบ Analysis แล้ว

    ผู้เรียน ต้องทำตาม วิธี กระบวนการต่างๆ ในคลาส The War Room อย่างเคร่งครัด เพราะมันจะทำให้คุณ ควบคุมการเติบโตได้แบบ On Scale.

    ใครที่อ่านแล้ว ไม่เข้าใจ หรือสนใจเรียนเพิ่มเติม กรุณา กรอกแบบฟอร์ม คอร์ส การเรียน Google Adword Free ได้ที่นี่

    เทคนิคการวัด Moving Average เพื่อทำความเข้าใจในการเติบโต จาก Search Signal ใน SERP

    organic-traffic-การวัด-webmaster-tool

    เอกสาร : PDF searchmonopoly-com_20161117t043512z_searchanalytics

    report-impression-wmt-2017-01

    STEP ที่ 2.

    เช็คจำนวน INDEX ใน Index Status – Google Webmaster Tool

    index-status-webmaster-tool

    จำนวน Index มีผลกับการจัดอับดับโดยรวมอยู่แล้ว การทำ โฆษณา Google Adwords จะด้อยประสิทธิภาพลงทันทีหากเว็บของคุณเป็นเว็บที่มีขนาดเล็กมากๆ เพราะ Efficiency ในเรื่องต้นทุนของ Traffic คุณจะสูงเหนือกว่าชาวบ้านเขา และสู้คู่แข่งไม่ได้

    การทำ Organic Traffic ที่ผสมผสานกับการทำ โฆษณา เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ในบทความนี้ Search Monopoly จะไม่พูดถึง เทคนิคการทำ Index เร็วๆ ใน Google Search ซึ่งมีเทคนิคหรือเครื่องมือลับๆ ในแบบฉบับมืออาชีพเขาใช้กันในอุตสาหกรรมออนไลน์

    สำหรับผู้ที่เรียน ให้พัฒนาการทำ Index แบบใช้คุณภาพเป็นหลัก ไม่ต้องใช้เครื่องมือช่วย เพราะเดี๋ยวนี้ เราเพียงแค่ Submit ใน Sitemap ของ Google Webmaster Tool ก็สามารถทำให้อันดับเราติด Index ได้มาบ้าง แต่อาจใช้เวลาที่นานกว่า

    ไม่ต้องกังวล – การพัฒนาเว็บใช้เวลาอยู่แล้ว ใครที่มาเรียนรู้แต่เว็บไม่ได้โตขึ้น ก็คือเรื่องที่เสียเวลาเปล่า แล้วอย่ากล่าวโทษ การเรียนรู้การตลาดออนไลน์ เพราะสิ่งสำคัญคือ การลงมือทำลงไปจริงๆ นั่นแหละคือ Input — หากไม่มี Input ก็ไม่เกิด Output ไม่ทราบว่าคนไทย ชอบรออะไรกัน ?? ทำไมไม่ทำด้วยตนเองให้เห็นผลไปเลย ???

    ตัวอย่าง การ Shift จากหลักผสมผสาน SEO + PPC

    seo-shift-organic-traffic

    การทำให้ธุรกิจเติบโต แบบก้าวกระโดด เป็นวิธีที่ คนทำ SEO ที่สายเทานิดๆ เขาใช้กันมานาน *** กราฟนี้ จากเว็บสายขาวสนิท ไม่มีเทาปนนะครับ ใช้หลักการเดียวกันได้ ทาง Search Monopoly ต้องให้ Credit คนเก่งมากๆ คนหนึ่ง ที่เคยกล่าวถึงหลักการ Shift อันดับ จากการใช้งาน และเขาคือผู้เชี่ยวชาญในการทำ Affiliate Marketing เป็นอย่างมาก

    เราได้นำ ไอเดียของเขามาพลิกแพลง เพราะเข้าใจและพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การ Shift ของ Impression ไม่ได้มาจากการ ปั๊มจำนวน Index เยอะๆ เพียงอย่างเดียว แต่สำคัญคือ Google เข้ามาทำความเข้าใจเนื้อหา และการใช้งานของกลุ่มประชากร ที่เข้ามาใช้งานในเว็บ

    ไม่แปลกว่าทำไม เดี๋ยวนี้ เว็บสาย Content Marketing ถึงรวยเอารวยเอา แต่ทำไม เว็บ E-commerce เล็กๆ กลับตายลงตายลง เป็นเห็บเหา

    คนทำธุรกิจไม่รู้ และ คนทำธุรกิจก็เสียรู้ เพราะไม่เข้าใจว่า อะไร มีมูลค่ามากกว่า

    ผมขอท้าให้คุณคิด ??

    การเป็นเจ้าของเว็บ กับการเป็นเจ้าของ Traffic การใช้งานในเว็บ  อะไรสร้างเงินร้อยล้านได้ ???

    ก. เป็นเจ้าของเว็บสวยๆ

    ข. เป็นเจ้าของเว็บถูกๆ คนนิยมใช้

    ค. เป็นเจ้าของ Traffic ที่โตวันโตคืน ทำด้วยเว็บ WordPress ด้วยตนเอง

    ผมว่าคนส่วนใหญ่ คงตอบ ก. ครับ เพราะ เข้าใจว่า ทำเว็บขายของออนไลน์ แล้วสร้างเงินล้านได้…..

    คิดแบบง่ายๆไว้ก่อน เอาเรื่องราว ความสำเร็จของชาวบ้านมาฝันกลางวัน และ ทำต่อเองไม่เป็นด้วย…

    คนที่รวย ได้เงินล้านจริงๆ คือ คนที่เป็นเจ้าของ Traffic การใช้งานอีกทีครับ

    เพียงแต่ว่า คุณทราบปัจจัยการทำให้เว็บของคุณไปถึงจุดนั้นได้หรือเปล่า ??

    กลับมาที่ War Room ครับ

    การทำ SILO Page จากเหตุผลการซื้อ และการขาย บวกกับการศึกษา เชิงพฤติกรรม

    silo-page-usability-increased

    เรื่องของ UX ในอนาคตจะกลายมาเป็นเพื่อนซี้ที่ขาดไม่ได้สำหรับชาว นักทำ SEO และ โดยเฉพาะ นักทำ SME, PPC เป็นอย่างมาก หากเว็บไซต์ของคุณ ไม่ได้มีองค์ประกอบ ในเรื่องของการทำ UX ให้บอกลาวงการได้โดยเร็ววันได้เลย เพราะคุณจะโดนเบียดออกไปจากสนามแข่งขัน.

    โลกของออนไลน์ ไม่ใช่โลกของการอยู่แค่ตัวคนเดียว มันเป็นเรื่องที่ต้องเข้ามา คุยกัน หาเพื่อนมาช่วย Critic เว็บของคุณ และพัฒนาอยู่เสมอ หยุดไม่ได้

    จากคำขวัญที่ให้กับหลายๆท่าน เข้าใจว่า “น้ำนิ่ง คือ น้ำเน่า” โลกของการตลาดออนไลน์ ก็เป็นอย่างนั้น ฉนั้น การพัฒนาเนื้อหา เพื่อสะสมเรื่องของ Organic Traffic จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่สุด.

    OUTCOME ของ PPC – ระบบ WAR ROOM

    6-12nov2016 AdWords PPC

    หลังจากตั้งเป้าในการปรับปรุงเนื้อหา เราได้ลองทำ TEST Landing Page แบบ เหมือนจะดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้ทำ Call to Action ที่ดีพอ เพื่อลองวัดว่า การใช้งานทั่วๆไปจะเป็นอย่างไรก่อนที่จะลองมาปรับ เหตุผลการซื้อการขายให้ดีจริงๆ อีกครั้ง

    7 วันที่ผ่านมา รายจ่าย ไม่เกิน 200 บาท ได้มา 20 Clicks

    อาการดูแล้ว ต้องหา Keyword อื่นมาช่วยเสริม และ ธุรกิจนี้ต้องอาศัย Long-Tail Keyword เป็นจำนวนมากในการทำการตลาด เพราะต้องให้ผู้บริโภค เรียนเนื้อหาเชิง Fact เข้ามาเยอะๆ เรียนรู้อย่างซ้ำๆ จนกว่าจะเกิดความเข้าใจในเนื้องานที่เราทำจริงๆ มันจึงจะเกิดการจัดจ้างอย่างสมเหตุสมผล.

    อันนี้เป็นผลลัพธ์จาก การ SET แคมเปญเก่า

    ppc-adwords-25oct-5nov2016

    สรุป Performance PPC. AdWords ที่เราทดสอบ

    1. ทำ Ads ไม่ดี ไม่เรียก CTR
    2. ไม่คิดให้ละเอียด
    3. ไม่มีความแตกต่างในเนื้องาน ระหว่างคู่แข่ง
    4. ไม่ศึกษาพฤติกรรมการเลือกของลูกค้าให้ดีก่อน
    5. ไม่เข้าใจปัญหาของลูกค้าอย่างจริงจัง
    6. ไม่เกิด LEAD. สำหรับ แคมเปญใหม่ แต่ CTR สูงกว่า ??
    7. เกิด Lead 3 Lead สำหรับแคมเปญเก่า แต่ CTR น้อยกว่า

    การแก้ไข 

    พัฒนา Micro Unit ให้ดีกว่าเดิม

    คิดเรื่อง Landing Page ให้ดีกว่านี้

    คิดให้ลึกในการทำ Ads Script ให้ดีกว่านี้

    กลับเข้ามาเรียนที่ระบบ WAR ROOM จะมีเฉลย และ เทคนิคลับๆ เรียก LEAD แบบมืออาชีพ !!

    วิธีการแก้ปัญหา Adword – Ad policies : Parked domain

    เว็บไซต์ ของเราเป็น Parked Domain โดนระงับโฆษณา Google Adword

    บางครั้ง เราลืมไปว่า Domain เราหมดอายุ หรืออาจเป็นปัญหามาจาก Server ทำให้ Google ระงับโฆษณา ของเรา

    การโฆษณา Google Adword จะต้องอยู่ภายใต้การบังคับใน Policy ของ Google INC. โดยตรง ตรงนี้เราสามารถเข้าไปตรวจเช็ค Policy ที่เรากระทำผิดต่างๆไว้ได้ โดยบทความนี้ จะมาแนะนำปัญหา ที่เกิดจาก การระงับ โฆษณา จากเรื่องของ Parked Domain

    จากตัวนโยบายของโปรดัคของ Google Adword ได้กล่าวไว้เกี่ยวกับประโยชน์ของการโฆษณา Adword – เชื่อมโยง ธุรกิจของเรา เข้าไปสู่กลุ่มลูกค้าของเราเมื่อถึงจุดหรือจังหวะที่เหมาะสม
    ระบบของ Adwords ได้มีความซับซ้อนในการค้นหากลุ่มของเป้าหมาย โดยได้ช่วยเหลือเรา ด้วยวิธีการแสดง โฆษณาของเราไปสู่กลุ่มเป้าหมาย ที่ถูกต้อง ในช่วงสถานที่ ที่ถูกต้อง และช่วงเวลาที่ถูกต้องเช่นกัน โดยใช้ Keyword และ สถานที่ รวมไปถึง ข้อมูลเชิงสถิติประชากร และอีกมากมายในการทำเป้าหมาย แคมเปญโฆษณาของเรา

    บางครั้ง เราได้กระทำผิด นโยบายของ Google โดยไม่ได้ตั้งใจ อย่างเช่น Site ของเราอาจหมดอายุ หรือ Policy ของ Adword มีการแจ้งเตือนเข้ามา และระงับ โฆษณา หรือ แคมเปญของเรา อย่างเช่น “Parked Domain” ซึ่งเป็นปัญหาที่มักเกิดขึ้นอย่างบังเอิญ และไม่อาจทราบสาเหตุอย่างแน่ชัดได้นั้น

    [TABS_R id=1427]

    การแก้ปัญหา

    A) Editorial

    เพื่อการแสดงคุณภาพให้แก่ประสบการ์การใช้งานของลูกค้า Google จำเป็นต้องได้รับความแน่ใจว่าทุกๆแคมเปญ ได้ตรงกับ เรื่องของเนื้อหาที่มีความเชี่ยวชาญสูง และมีมาตรฐาน พวกเราอนุญาตให้การโปรโมตแคมเปญนั้น โปร่งใส ชัดเจน โดยมองแล้วมีความชำนาญ และได้นำพาให้ผู้ใช้งานไปหาเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกัน และง่ายต่อการตอบสนองของผู้ใช้งาน (Interation)

    ความผิดพลาดที่มักเกิดขึ้นเสมอ กับ Text Ad ของเราดังนี้
    1. Ad Text
    2. Ad URL

    อับดับแรก สิ่งที่ห้ามใช้ “Capitalization”
    คืออย่าพยายามใช้ ภาษาอังกฤษตัวพิมพิ์ใหญ่ทั้งหมด
    หรือการตกแต่งภาษา ด้วยตัวใหญ่ และตัวเล็กสลับกัน

    เช่น “ADWORD SERVICE”
    หรือ “AdWoRd SeRvIcE”

    อันดับสอง อย่าใช้ พวกตัวอักษรพิเศษแปลกๆ
    เช่นตัว Exclamation Mark
    เช่น ราคาถูก !!!!
    หรือใช้ Exclamation บนหัวเรื่อง
    อย่าใช้ สัญลักษณ์ ซ้ำๆกัน เช่น ()()()
    อย่าใช้ @ แทน at

    เมื่อแก้ปัญหา และตรวจเช็คเรื่อง Editorial เสร็จแล้วให้มาดูขั้นตอนต่อไป

    Parked Domain ISSUE

    เช็คว่า Domain ของเราหมดอายุแล้วหรือยัง
    ลองสอบถามผู้ให้บริการ HOST ว่า DNS ชี้ได้ถูกต้องไหม ?
    พยายามสร้างเนื้อหาที่มีการตอบสนองกับ user ให้ดีกว่าเดิม
    พยายามใส่ Internal Link ในหน้า Landing Page เพื่อให้เกิดการ Interaction ได้ดียิ่งขึ้น
    สร้างเนื้อหาที่มีประโยชน์กับผู้ใช้งานให้ดีกว่าเดิม
    มีการเชื่อมโยงเนื้อหาอย่างเหมาะสม

     

    แนะนำทุกท่าน ที่สนใจการทำโฆษณา Google Adword เข้ามาเรียนรู้ได้ที่นี่

    Organic Search กำลังเปลี่ยนสภาพ กฏของการทำธุรกิจ ตลอดไป

    คนเข้าเว็บไซต์ผ่านทาง Search Engine กำลังเปลี่ยนแปลงวิถีทางของ ผู้บริโภค ในการตัดสินใจซื้อ (จากคำกล่าวของ Trond Lyngbø) และนักการตลาด ผู้ที่ เข้าถึง ผลกำไรอย่างยิ่งใหญ่นี้


    เป็นระยะเวลากว่า หลายสิบปี วงการเพลง ขายสินค้าแบบจับต้องได้ ในรูปแบบของ คอลเล็คชั่นของบทเพลง เช่น CD, เทป แผ่นบันทึกเสียง และอื่นๆ แต่ต่อมา Internet ก็เปลี่ยนแปลงทุกๆสิ่งไป
    ด้วยความสามารถในการ ดาวน์โหลด ไฟล์ดิจิทัล MP3 ซึ่งเปลี่ยนสภาพอุตสาหกรรมเพลง และ ทับแทนด้วย การปฏิวัติเข้ามาของยุค iTUNE นั่นเป็นสิ่งที่ ผู้บริโภคได้เปลี่ยนวิธีการเสพย์ เนื้อหา อย่างถาวร ในการซื้อ-ขาย สินค้าเพลงเหล่านี้


    ในสิ่งที่คล้ายๆกันของพฤติกรรม — การค้นหาในโลกออนไลน์ ก็เปลี่ยนรูปแบบโมเดลของการขาย ขณะที่ Google ได้เป็น นวตกรรมที่ทำให้เกิดความรวดเร็ว ไปสู่กระบวนการขาย และในหลายๆ รูปแบบธุรกิจ ที่ยังคงรูปแบบในช่วงยุคปี 1990 เป็นต้นมา โดยขึ้นอยู่กับ ช่วงเวลาที่หมดยุค ตกกระแส และ กลยุทธ์ที่ไม่มีประสิทธิภาพ



    แปล และ เรียบเรียง : http://searchengineland.com/organic-search-transformed-rules-business-forever-207688

    ปัญหาการทำ Adword และ PPC ที่ SME ไม่ค่อยรู้

    ปิศาจ มักก้าวเร็วกว่าเราไป 1 ก้าวเสมอ

    คำนี้ เหมือนเคยอ่านเจอในหนังสือเล่มหนึ่ง

    ลูกค้าที่สนใจการทำ Adword มักจะหลงเชื่อ คำหว่านล้อมของ SALE ที่อยู่เบื้องหลังโทรศัพท์

    สิ่งที่ Search Monopoly แนะนำ อย่างเป็นห่วง และอยากให้คุณระวัง สิ่งดังต่อไปนี้ และให้คิดทบทวน เหตุการณ์ดังต่อไปนี้

    เมื่อลูกค้า ทำ Adword ไม่เป็น และทำยาก – แนวคิดของ ผู้ให้บริการ ที่ขาดจรรยาบรร =

    Adword สร้างง่ายมาก โฆษณาเร็วมาก บางที Page Layout ของหน้าเว็บที่ทำ Hard Sale จะมีลักษณะ แบบ Call To Action ซึ่งทำเน้นให้ลูกค้า เกิดความอยากรู้อยากเห็นใน บริการนั้นๆ

    จิตวิทยาของการ SALE คือให้ลูกค้า กรอกแบบฟอร์ม ก่อน

     

    ความเสียเปรียบ 5 อย่างในการโฆษณา PPC หรือ Adword

    URL
    https://www.techopedia.com/definition/26363/online-marketing
    https://en.wikipedia.org/wiki/Online_advertising
    http://neilpatel.com/what-is-online-marketing/
    http://www.websearchworkshop.com.au/ppc-tips.php
    https://searchenginewatch.com/sew/how-to/2343597/ppc-swot-analysis-manage-campaigns-like-a-business
    http://www.theisland.agency/understanding-ppc-and-its-strengths-and-weaknesses/

    Your PPC Strengths & Weaknesses

    Strengths and Weaknesses of Pay-Per-Click Ads

    5 Disadvantages Of PPC Advertising

    ความเสียเปรียบ 5 อย่างในการโฆษณา PPC หรือ Adword
    นำมาจาก LINKS http://onlineincometeacher.com/money/5-disadvantages-of-ppc-advertising/
    1 PPC มันจะ ยุ่งยากและซับซ้อน
    ปัญหาในประเทศไทย Agency รายใหญ่ๆ บางราย มักจะใช้คนที่ไม่มีความชำนาญที่แท้จริง
    บางที่ จ้างพนักงานบางคนไปสอบใบ Google Adword Certificated แต่ปรากฏว่า เจ้าของใบ Certificated ได้ออกไปแล้ว เพราะเงินเดือนน้อย หรือ ได้ที่ดีๆกว่านี้ ทำให้มีแต่พนักงาน ที่ได้รับการ Train เพื่อทำการ SET UP แคมเปญแบบง่ายๆ และไม่ได้ทำอย่างละเอียด หรือมีการติดตาม วิจัย และไม่มีการคิด กระบวนการทำงานเพื่อตอบโจทย์ ทางธุรกิจของคุณ

    2. โฆษณา PPC มันแพงมากจนเกินไป

    คุณอาจกำลังโดน ผู้ให้บริการ Google Adwords บางรายไม่ดูแลเอาใจใส่ หรือทำให้ได้อย่างไม่ทั่วถึงนัก
    ทำไม บางครั้ง ค่า Bid หรือค่า โฆษณา Google Adword ราคาแพงมากๆ
    ให้ลองคิดดูว่า การทำ Google Adword เชิงกลยุทธ์ ต้องใช้คนที่มีค่าตัว 250,000 บาทอย่างน้อย
    เพราะถ้าจ้างคนเก่งๆ มาทำให้ เขาย่อมขายของได้ ในราคา มากกว่า 200,000 บาทต่อเดือน
    นั่นคือสิ่งที่ธุรกิจของคุณต้องการเป็นอย่างน้อย

    แต่ในโลกความเป็นจริง เขาจ้าง ใครก็ไม่รู้ เงินเดือนราวๆ 7-8 พันบาท เด็กจบใหม่บ้าง จากคนไม่มีความชำนาญบ้าง แล้วก็มี Manager ที่พอจะคุมกระบวนการ SETUP ได้บ้าง แล้วดูแล ลูกค้า คนละ 40 – 200 ราย
    จะเอาความทั่วถึง และ effective ได้ที่ไหน ??
    SME จึงประสบปัญหาอย่างมาก ในการทำ Google Adword.

    อีกประเด็น หาก เจ้าใหญ่ๆ มี ลูกค้า ที่มี Keyword เป้าหมายเดียวกัน
    หมายถึง มีเสือหลายๆตัวอยู่ในถ้ำเดียวกัน ก็ต้องมา BID สู้กันเอง
    BID จึงสูงเร็ว ต้องตีประมูลราคา ทับถมกันไปเรื่อยๆ ทำให้ ค่าโฆษณาราคาแพงเกินความเป็นจริงอย่างรวดเร็ว

    ไม่มีความยืดหยุ่นในระบบ ความจริงแล้ว PPC หรือ Adword นั้น เจ้าของควรศึกษาการทำด้วยตนเอง จะดีที่สุด ไม่ควร จ้างคนอื่น
    สิ่งที่ควรทำ คือไปเรียนจากคนเก่งจริงๆ แต่ในไทย ไม่มีใครสอน เพราะ ราคามูลค่ามันสูงมาก
    หากประเมินจริงๆ ค่าเรียนแบบ Effective จะอยู่ที่ 250,000 – 450,000 บาท เป็นค่าความรู้ที่เอาไปใช้งานได้จริงๆ
    และเรียนกันเป็นปี พูดง่ายๆ ปีนึงรับลูกค้าที่เป็นนักเรียน แค่ 4 – 5 รายเท่านั้น
    ซึ่งอนาคต SEARCH MONOPOLY จะทำและลงมาเล่นตลาดนี้จริงจังด้วย

    สำหรับตอนนี้ สามารถเข้ามาทดลองเรียนฟรีได้ก่อน ว่ามะนทำงานอย่างไรกันแน่ มีความลับอะไรซ่อนอยู่ ต้องทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ จากการลงมือปฏิบัติ

    ย้ำเตือนเสมอ !!! Technology ที่เป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ ต้องเรียนรู้ด้วยการลงมือเข้ามาปฏิบัติจริง ห้ามอ่านหนังสือโดยเด็ดขาด เพราะเราจะเก็บความเชื่อผิดๆไปโดนหลอกอีก ทำแล้วเห็นผลจริง แล้วจึงเชื่อ ลองซ้ำๆ 20 ครั้ง แล้วจะเข้าใจ

    3. ผู้ใช้งานเว็บ มักมองข้าม Sponsored Ads
    คนส่วนใหญ่เข้ารู้ว่าเป็น Ads มีจำนวนน้อยกว่ามาก ที่คลิ๊ก โฆษณา
    การทำ Adword คืองานละเอียด ต้องดูลึกๆ ว่าหน้าตา Display ออกมาเป็นอย่างไร
    และต้องไปเปรียบเทียบการค้นหาด้วย ว่ามันน่าคลิ๊กกว่า อันดับแรกใน Organic อย่างไร
    แล้วเข้าไปดูด้วยว่าอันดับแรก หน้าตาเว็บ น่าเชื่อถือกว่าเราหรือไม่ ???

    ลองดูตัวอย่าง

    ทำความเข้าใจอย่างย่อ หลักการตลาดออนไลน์

    บทนำ –
    ผู้ประกอบการมักมาและ ไม่รู้อะไรเลย แต่อยากเรียนรู้เร็วๆ ความพร้อมไม่มี จึงไม่รู้จะเริ่มต้นจากอะไรก่อนดี

    การทำการตลาดออนไลน์ คืองาน ค้นคว้า (Research) ไปพร้อมๆ กับงานพัฒนา
    ผมจะเอาประสบการณ์ 7 ปีมาให้คุณเข้าใจเร็วๆ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ โปรดขอให้นำไปคิด และพิจารณา ผู้ประกอบการ SME ที่สนใจปรึกษาฟรีได้ แต่โปรดให้ เกียรติ ลูกค้าที่จ่ายราคาแพงก่อนนะครับ ด้วยความเคารพ

     

    [ความล้มเหลวที่เป็นอยู่] Currently Situation 
    1. ลืมทุกอย่างในหัวออกไปให้หมดก่อน ถ้าคุณเอาความเชื่อเก่าๆ มาเป็นเหตุผลที่ปิดกั้นตนเอง มันจะทำให้ทุกอย่าง อยู่กับที่ และก็พัง
    2. ไม่มีทางลัด และ ทางที่เร็ว ขอย้ำไม่มีทางลัดและทางที่เร็ว นอกจากคุณเป็นคนโชคดี เป็น ญาติ และ เพื่อนฝูง ได้มีโอกาสเข้าไปแทรกตัวในความสำเร็จ — คนนอกอย่างคุณ เป็นพื้น (FLOOR) ความสำเร็จของคนอื่นนะครับ
    3. คิดแบบ คนทำบริษัทคิด คิดแบบนักธุรกิจ คุณจะไม่ตกเป็นเหยื่อ
    4. SME ส่วนใหญ่ จะมีระบบคิดแบบ ธุรกิจครอบครัว และ มองคนทำงาน เป็นเพียง “เด็กเสริฟ” ความสำเร็จ ไม่ใช่ “เชฟระดับ 7 ดาว”


    หลักการของ การตลาดออนไลน์ ในรูปแบบของ SEARCH MONOPOLY
    1. มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา Pattern การค้นหา มันเปลี่ยนเสมอๆ ไม่สิ้นสุด ภายใต้คำที่กล่าวว่า “น้ำนิ่ง คือน้ำเน่า” (Search Engine Semantic Search)
    2. Technical ต้องดี
    3. พัฒนา โครงสร้างเว็บ ที่มีหน้าเว็บ 300 หน้าขึ้นไป (กำลังดี)
    4. เหตุผลการซื้อ และ เหตุผลการขาย ต้องมีมาก
    5. Event Tracking, Analysis ต้องชัด
    6. SME ต้องเข้าใจคำว่า การจัดอันดับ แบบ Organic และ แบบ PPC
    7. คนคลิ๊ก Organic มากกว่า คลิ๊ก ADS
    8. คน High Education จะมอง Organic ก่อน
    9. เข้าใจพฤติกรรมการค้นหาของคนให้ดีก่อน
    10. อย่าหลงเชื่อคำโฆษณา บนหน้าเว็บเพจ
    11. ก่อนปิดการขาย ปรึกษาหลายๆรายก่อน
    12. อย่าเชื่อเจ้าใหญ่ๆ เพราะเขาใช้ Script Sale เพื่อการปิดการขาย
    13. คนที่มาอ่านถึงหน้านี้ มักเป็นคนที่ทำอะไรไม่เป็นเลย แล้วมาเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ
    14. เหนื่อยยาก 3 ปี จึงจะเข้าใจ
    15. ปีที่ 1 เรียน ปีที่ 2 เท่าทุน ปีที่ 3 กิน %ตลาด
    16. เครือข่าย เครือข่าย และ เครือข่าย
    17. ช่วยเหลือ พรรคพวกของเรา เพราะคู่แข่งเขามีพรรคพวกของเขา
    18. เพื่อนแท้ และ เพื่อนลวง
    19. Authority ต้องสร้าง
    20. Trust มันจะค่อยๆมา
    21. สายดำ (BLACK HAT) เทคนิค ทำทุกอย่าง ที่ทำลาย คุณภาพ และ หลอก Google
    22. สายขาว มีจริงยาก เป็นเรื่องบังเอิญ สำหรับคนที่จับทางได้ก่อน และทำแบบต้นน้ำไว้แล้ว
    23. สายเทา มีเทาหลายเฉด อย่าเพิ่ง งง หรือ อยากรู้ ค่อยๆเรียนไป
    24. ทำงานแบบ ไม่มีวันเสร็จ เพราะงานเว็บ คืองานสร้าง พันธมิตร และ เนื้อหาที่น่าเชื่อถือ แล้วหา พันธมิตร มาเป็นพรรคพวกเรา
    25. คุณต้องมีคนที่เชี่ยวชาญจริงๆ มาเป็นผู้กำกับ
    26. มีการเจรจาต่อรองมากมาย
    27. ทำงานเป็นทีม รู้เทคนิคที่จะช่วยคนอื่น และช่วยตนเองแบบอ้อมๆ
    28. ไม่เน้น Social Viral มากนัก เน้นตอนที่เรา ผูกขาดการค้นหาไปแล้ว
    29. การทำ Social ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ไม่ใช่เรื่องยั่งยืน เพราะถ้าเว็บไม่มีคนเข้า ก็ไม่ค่อยมีการปิดการขายอยู่ดี
    30. ทำตาม Quality guideline
    31. Business Requirement ต้องชัดเจน


    Practical Phase

    3 ปีแรก เป็นการทำการตลาดออนไลน์ ให้เห็นผลลัพธ์ และการเติบโต ช่วงปั้นโครงการที่แท้จริง จะใช้กระบวนการพัฒนาราวๆ 3 ปี เป็นงานที่ยาก

    หลังจาก ปีที่ 3 จะเป็นการ คิดครั้งใหญ่ เพราะกราฟการเติบโตจะเริ่มตึงๆแล้ว BIG Optimization preriod


    ถ้าผมเป็น SME ที่ไม่รู้เรื่องเลย ผมเริ่มทำอย่างไรก่อนดี ??

    ผมจะจ้าง บริษัท Consult Online Marketing มาทำการ รีวิวอย่างซิเรียส ผมจะไม่หลงคารม SALE ที่ไม่เห็นหน้าทางโทรศัพท์

     

    1.) BUDGET ในการพัฒนา

    2.) Position ของตนเอง

    3.) ทำ Scale ROI

    4.) แผนพัฒนาธุรกิจ

    5.) Targeting & Research

    6.) Contents

    7.) ออกแบบ Spec.

    8.) แผนพัฒนาเครือข่าย และ พันธมิตร

     

    จุดจบ ของ SME ที่จ้าง เอเย่น ทำ โฆษณา Adword

    ผมเขียนบทความนี้ เพื่อไว้ส่งจดหมาย ไปหาเจ้าของ และผู้ประกอบการ SME ที่กำลัง หรือ เพิ่งรู้ตัวว่า โดน เอเย่น (Agency) ของ Internet Marketing ค่ายต่างๆ หลอกไปทำโฆษณา GOOGLE ADWORD
    เอเย่น (Agency) ของ Internet Marketing ค่ายต่างๆ ชอบอ้างตนเอง ว่าเป็น ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการตลาดออนไลน์บ้าง อะไรบ้าง ชอบอ้างตัวว่ามีลูกค้ากว่า 5000 ราย และอื่นๆอีกหลายอย่าง
    พฤติกรรม ที่ทำให้ ธุรกิจ ของผู้ประกอบการ เจ๊ง หรือ พินาศ พังสูญสิ้น อันเนื่องมาจาก ความไม่รู้เท่าทัน ของ เอเย่น เหล่านั้น นั่นเอง


    ผู้ประกอบการ [SME] หลายๆ ท่าน พอทำเว็บไปสักพัก ก็จะโดน Agency โทรฯ มาขาย PACKAGE ทำ โฆษณา Google Adword แล้วมาอวดอ้าง สรรพคุณ ว่าดีอย่างนู้น ดีอย่างนี้

    เอา ตารางราคา เอา SALE มาหว่านล้อม เพื่องาน ปิดการขาย แล้วคุณต้อง กลายมาเป็น “เหยื่อ” ให้กับ Agency เหล่านั้น

    สิ่งที่ SME ต้องระวังเป็นพิเศษ คือการเลือกใช้ บริการ โฆษณา Google Adword ที่เป็นมืออาชีพจริงๆ และ ต้องหา บริษัทเล็กๆ มารับทำ อย่าเข้าไปเดินใช้บริการ บริษัทใหญ่ เด็ดขาด !


    ทำไม ไม่ควรใช้บริการ Google Adword จาก บ. ใหญ่ๆ ???

    SME คง งง และ สงสัยในคำแนะนำจากผู้เขียนบทความนี้ หรือ อาจจะคิดว่า เราเขียนโดยมี อคติก็เป็นได้

    แต่ขอ อธิบาย แบบ “เหตุ ไป ผล” แบบ โลกความเป็นจริงนะครับ

    ลูกค้า 50 – 250 ราย ต่อ ผู้ดูแล เพียง 1 คน

    พนักงาน บริษัท ที่ทำ Adword มีเพียง 20 – 40 คน

    พนักงาน 30คน ใน 40 คน เป็นเด็กจบใหม่ ไม่มีประสบการณ์สูง ในการทำการตลาด ออนไลน์มาก่อน

    • ไม่มี Sense ของ Business
    • ไม่มี ทักษะ การจัดการงาน ที่ดีมากพอ
    • ไม่มี ทักษะ ทางเทคนิคที่ลึก

    ส่วนใหญ่ ไม่ใช่คนที่มาทางสาย IT หรือ Business IT.

    ทำงานแบบ ตามหน้าที่ ที่ระบบ วางไว้

     

    คนพวกนี้ ผมเรียกพวกเขาว่า

    “นัก SETUP”


    โฆษณา Google Adword คุณภาพต่ำ ไม่เห็นผล

    นัก SET UP จะไม่มีความรู้ ในการทำธุรกิจของลูกค้า ไม่เข้าใจในเนื้องาน และ ข้อมูลในการปิดการขาย

    นัก SET UP จะไม่

     

    คนทำการตลาด ออนไลน์ ให้ บ. Agency ใหญ่ๆ เข้าไม่ได้ใช้ ลูกทีม ภายใน บริษัทนะครับ

    เขาจ้างคนเก่งๆ เก่งจริงๆ ค่าตัว 250,000 บาทต่อเดือน มาทำการตลาดให้

    และจัดจ้าง BRANDING Consulting อีกทอดนึงมารับงาน

     

    วงการนี้ อุบาทไหมครับ ?

    คุณเลือกเป็นเหยื่อ ? หรือ คุณ เลือกจะ ออกจากระบบพวกนี้ ??

     

    เรียนรู้กลยุทธ์ และแนวทางของ หลักการ 80/20 principle

    เรียนรู้กลยุทธ์ และแนวทางของ หลักการ 80/20 principle
    ใครๆ ก็อยากอยู่หน้าแรกของ Google แต่น้อยคนจะเข้าใจหลักการของการ อยู่หน้าแรกของ Google อย่างได้เปรียบคู่แข่ง

    การพัฒนา keyword ให้ติด Google อย่างหลากหลาย และลึงลงไปเรื่อยๆ ไม่สามารถทำได้ใน Platform บน fanpage facebook และทำได้ดีใน wordpress เพราะออกแบบมาให้เน้นการเขียน บทความ และ แจกเนื้อหาให้กับผู้ใช้งานเว็บไซต์ได้เป็นอย่างดีเยี่ยม

    ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องมานั่งคิดคำสวยหรู ที่ต้องมา โน้มน้าวให้คนกดอ่านในหน้าแฟนเพจ และกดปิดทิ้งไป หรือ แค่กด like และต้องมาผลิตซ้ำๆ ทุกวันๆ วันไหนไม่ทำ ไม่เป็นข่าว วันนั้นก็ดับ

    หลักการสร้าง Niches keywords เป็นหลักการที่นิยมมากๆ ในการทำ e-commerce ขนาดใหญ่ เพราะระบบใหญ่ โครงสร้างเว็บที่ใหญ่มาก ทำให้ ติด keyword เป็น พันๆคำ และคนเข้าเว็บได้ 2000 คนเป็นอย่างน้อย หากพัฒนา เนื้อหาได้ดี
    การหาคนเข้าเว็บทาง google ด้วย keyword 001

    ภาพจากเว็บ http://www.alecanmarketing.com/wp-content/uploads/2015/01/longtail.jpg

     

    Thelongtailshift

    แหล่งที่มาภาพ จากเว็บ > http://vignette3.wikia.nocookie.net/newmedia/images/1/13/Thelongtailshift.jpg

     

    จะสังเกตเห็นได้ว่า ด้านซ้ายนั้น จะเป็น keyword ที่มีคนค้นหาจำนวนมาก หนาแน่นสูงกว่า

    ด้านขวา จะมีคนค้นหาน้อยกว่า และหลากหลายมากกว่า

     

    ในโลกความเป็นจริง บุคคล คนเดียวกัน จะค้นหา คำหลักๆ ใหญ่ๆ เพียง 1-3 ครั้ง แล้วเริ่มหาถี่ขึ้น เป็นคำยาวๆ เล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีคนคิดถึง

    ทั้งนี้แล้ว keyword เล็กๆ ซ่อนอยู่เป็นล้านๆ คำใน long tail และ ระบบที่คัดกรองและทำวิจัย เนื้อหาอย่างดี จะทำให้ ติด keyword long tail จำนวนมาก และไม่จำกัด ทำให้คู่แข่ง เสียเปรียบ และเรามีโอกาสปิด งานขายได้มากกว่า เว็บไซต์ ที่เนื้อหาไม่ลึก

     

    เช่น

    นาย ก. ค้นคำหลักคำว่า “สร้างบ้าน”

    พอค้นคำนี้ จะเจอผลการค้นหาที่ยังไม่ถูกใจ และเริ่มดูแบบไปเรื่อยๆ จนไปเจอแบบที่เริ่มต้องการ เช่น

    นาย ก. เริ่มลองคำใหม่ คำว่า “สร้างบ้านสองชั้น มีระเบียง”

    พอเริ่มหา บ้านสองชั้นมีระเบียง ก็เริ่มเจอแบบต่างๆ แต่ก็ยังไม่ถูกใจ เขาจึงเริ่มหาไปเรื่อยๆ

    • “สร้างบ้านสองชั้น มีระเบียง น้ำพุหน้าบ้าน”
    • “สร้างบ้านสองชั้น มีระเบียง พร้อมสระว่ายน้ำ”
    • “สร้างบ้านสองชั้น มีระเบียง ห้องครัวกว้าง”
    • “สร้างบ้านสองชั้น มีระเบียง หน้ากว้าง 8 เมตร”
    • “สร้างบ้านสองชั้น มีระเบียง แต่งสวนอังกฤษ”

     

     

    เห็นไหมครับ กว่าจะได้ขาย 1 โครงการ เว็บเราต้อง display ให้ได้ 60 results

    ใครลึกก่อน ก็กินส่วนแบ่งตลาดที่ไม่สิ้นสุดนี้ไปเลย

    ลูกค้าที่เจอ ผลการค้นหาใน google เว็บเรา หลายๆ keywords คำค้น ก็เริ่มจดจำและเชื่อถือเว็บเราก่อนใคร และ มาซื้อสินค้าจากเว็บเรามากกว่า เว็บคู่แข่ง

    งานนี้ใครลึกใครเร็ว ชนะไป อย่ามัวแต่ กิน คำค้นกว้างๆ

     

    ให้กระจายคำค้นให้มากที่สุด และต้องตรวจจับคัดกรองดีๆ

    ทำไม Facebook จึงฉาบฉวย สำหรับผม

    มันเป็นเรื่องของ Engage และ Trend บวกกับ Emotion ของ User ณ ขณะนั้นๆ
    งานขายที่เน้นสาระ เหตุผล เนื้อหา เงื่อนไข ข้อปฏิบัติ หรือ user ที่พอมี Insight นั้น แทบจะทำไม่ได้เลย ใน Facebook

    มันไม่ใช่ตัวเลือก อันดับต้นๆ ในการทำ Online Marketing ครับ
    แต่เป็นเรื่องที่ สิ้นเปลืองชนิดนึงที่ทำ Yield Return ในระยะยาวกว่า 1 ปีอย่างดีเยี่ยม

    ผมหมายถึง (ผมพูดแบบกลางๆเลยนะ) Facebook ไม่ใช่เครื่องมือ ที่มีประสิทธิภาพในเชิง Usability หรือพัฒนา Sale Channels อย่าง ตรงจุดนัก
    Facebook เป็นเสมือน การออกมาประกาศ ในกลุ่มชุมชนอันใดอันหนึ่งในช่วงเวลาสั้นๆ และความสนใจสั้นๆเท่านั้น ซึ่งในประสบการณ์ การทำ OM ของผม กลับพบว่า Facebook กลายเป็นตัวสิ้นเปลือง และกลายเป็นการสร้าง แฟนคลับ หรือ คนเข้ามาเป็น ชุมชนและก็ลืมๆกันไป การจะขายอะไรอย่างใดอย่างหนึ่ง จะต้อง แนะนำ Functions การใช้งานและปัญหาที่พบ และนำเสนอไอเดียวการแก้ปัญหา อีกทั้งต้องมีตัวเลือกที่หลากหลาย

    ซึ่งผม ยกให้ Facebook เป็นห้องโถงใหญ่ๆ ที่เก็บแขกที่มีความสนใจอย่างใดอย่างหนึ่งครับ แต่อย่างไรต้องลากเข้ามาที่ Selling Page อยู่ดี
    อย่างไรก็ตาม การทำ OM ให้สำเร็จ ก็หนีไม่พ้นว่าเราต้องมี Website ที่มีการออกแบบให้เฉพาะตัว

    หากคุณผลิตปลากระป๋อง ยี่ห้อใหม่ อันนึงเข้าสู่ตลาด คุณโปรโมตทางวิทยุ อาจจะได้ยอดขายที่ดีกว่า ขายทาง Facebook เสียด้วยซ้ำ