>

มีเครื่องมืออะไรบ้าง ในการเช็ค Web Traffic

มีเครื่องมืออะไรบ้าง ในการเช็ค Web Traffic

alexa-web-ranking

1.) Alexa Web Ranking Tool - เป็นเครื่องมือยอดนิยมของนักทำการตลาดออนไลน์ ที่ไว้เช็คมือวางอันดับเว็บของตนเอง ว่าอยู่อันดับที่เท่าไหร่ ของโลก และอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ ของประเทศ เช่นประเทศไทย อย่างเว็บดังๆ อย่าง Sanook จะอยู่อันดับต้นๆ ของการจัดอันดับใน Alexa

ถามว่า การทำเว็บไซต์ ควรมี Alexa Rank อยู่ที่เท่าไหร่ ? -- มีหลายๆท่านใน ThaiSEOBoard แนะนำว่าควรอยู่ที่ 100,000 ขึ้นมา (หมายถึง อันดับน้อยกว่า 100,000) เช่น 45,000 นั่นหมายถึง เว็บเรามี Traffic ที่สูงมากเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ที่มี Rank Alexa จำนวนมากๆ เช่น 8,000,000 เป็นต้น

ทัศนะของ Search Monopoly - สำหรับเว็บที่ทำ Organic Traffic ได้อย่างดี ควรมีอันดับอยู่ที่ราวๆ 400,000 - 2,000,000 เป็นค่าประมาณการจากประสบการณ์ตรง และพยายามทำอันดับให้เหนือกว่า 400,000 ขึ้นมา จนมาถึง 100,000 ทีนี้เราจะพอมี ROI ที่เจียดนำมาใช้พัฒนาเว็บให้เป็นระบบใหญ่กว่าและ เสถียรกว่า

 

google-search-console-web-traffic

2.) Google Search Console (Google Webmaster Tool) - เป็นเครื่องมือยอดนิยมสายการทำ SEO แบบ Manual. Google Search Console สามารถวัดค่า Organic และการเติบโตของ Organic Traffic ทาง Google Search Result Page (SERP) ได้อย่างค่อนข้างแม่นยำ อีกทั้งยังมี API ที่ใช้ประยุกต์กับเครื่องมือให้มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้นไปอีก - - สำหรับผู้ประกอบการ SME ที่กำลังศึกษาทางด้านการทำ Organic Traffic หรือ SEO และเรียน Online Marketing กับ Search Monopoly ท่านควรได้รับการเรียนรู้เรื่องการใช้งาน Google Search Console ไว้เป็นอย่างดี เพราะเป็นเครื่องมือสามัญประจำคนทำการตลาดออนไลน์ ที่มีเว็บไซต์ในการพัฒนาอับดับและการทำ Traffic อีกทั้งยังเป็น Monitoring Tool พื้นฐานสุดๆที่ทำให้เว็บเรามีคุณภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

 

similar-web-traffic

3.) SimilarWeb - เป็นเครื่องมือยอดนิยมของนักการตลาดออนไลน์สาย Digital Marketing ที่ต้องการบุกตลาด และเน้นการแข่งขันที่สูง เครื่องมืออันนี้ ทำให้เราทำ BenchMark Report สำหรับการวิเคราะห์ Traffic ของคู่แข่งได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย การใช้งานไม่ยาก แถมตัวรายงาน (Dashboard) เหมาะกับการทำงานส่งให้แก่นักบริหาร และเหมาะกับสายงานบริการและการตลาดเป็นอย่างยิ่ง สำหรับราคาตัว Pro. ก็ราคาย่อมเยาว์ สำหรับบริษัท อันนี้ไม่แนะนำให้ SME นำไปใช้ เพราะเท่าที่สัมผัส SME เป็นงานที่แข่งกันตนเองมากกว่า ไปแข่งกับคนอื่น

 

google-analytics-traffic-monitoring

4.) Google Analytics - เป็น Tool ที่ผมชอบมากที่สุด เพราะมัน Monitoring ได้อย่างละเอียด สำหรับวัด traffic ที่เกิดขึ้นในเว็บของเรา อีกทั้งยังเข้าใน พฤติกรรมของผู้ใช้งานเว็บว่าเขาชอบเข้ามาดูอะไรและต้องพัฒนาต่อไปทางด้านไหน และมันตอบสนองกับการพัฒนาการทำอันดับ Ranking Signal ได้เป็นอย่างดี ผู้ประกอบการ SME และ นักพัฒนาธุรกิจ และจัดทำเนื้อหาให้กับไซต์ ที่มีแผนพัฒนาเว็บตามการวัดผลเชิงประสิทธิผลจาก Google Analytics จะสามารถสร้างการเติบโตของธุรกิจของคุณได้ดีเยี่ยม ควรมาเรียนรู้ที่ Search Monopoly เรามีเครือข่ายนักธุรกิจ ที่เอาจริงเอาจังกับการพัฒนาเว็บไซต์อย่างมีคุณภาพ และมีการเติบโตสูง

 

Similarweb คืออะไร และ การใช้งาน tool ตัวนี้อย่างละเอียด

ตัวอย่างการใช้งาน SimilarWeb Tool ในการเช็ค Traffic

Overview dashboard - similarweb Tool แสดง Global Traffic

การวัดค่าอันแรก โดยทางเราได้นำเว็บชื่อดังอย่าง Expedia ที่เป็นเว็บเกี่ยวกับการจองโรงแรม ห้องพัก การโรงแรมเป็นหลัก

DashBoard แรกจะเป็น Overview ที่วัดการจัดอันดับจาก SimilarWeb โดย Expedia ทำได้ดี เป็นมือวางอันดับโลกที่ 25,571 แต่เห็นเครื่องหมายลูกศรสีแดงนั่น หมายถึง มือวางอันดับตกลง ทั้งแบบ Global และแบบ Local (Thailand) ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงเราจำเป็นต้องดันอันดับให้สูงขึ้น หากเราอยู่ใน Range ที่เราพอใจแล้ว งาน Optimize Traffic และ Usability เป็นเรื่องที่สำคัญกว่าการปั้นแต่ยอดจำนวนผู้เข้าชม เพราะสมัยนี้การ Keep Usages นั้นเป็นเรื่องที่ยากกว่า

 

 

 

เช็ค-web-traffic-เบื้องต้น2.jpg

 

 

เว็บไซต์ควรมี Traffic และ Expedia ที่ทำเงินล้านได้ เพราะ Traffic ไม่เกี่ยวกับหน้าตาเว็บที่สวยงามแต่อย่างใด – ผู้ประกอบการ SME มักมัวแต่หลงทาง คิดว่าทำเว็บสวยๆ ก็จะทำเงินล้านได้ อันนี้คือการคิดแบบผิดๆ การทำธุรกิจออนไลน์ คือการเรื่องการพัฒนาคุณภาพของ Traffic ไม่ใช่เรื่องของการทำเว็ยสวยๆ แล้วก็เอาไปเก็บไว้ภูมิใจหรืออวดคนใกล้ตัว

 

หากไม่มีแผนการพัฒนาที่ชัดเจน — นั่นหมายความว่าตัวคุณ เจ้าของธุรกิจ หรือไม่ก็หัวหน้าทางฝ่ายการตลาด กำลัง เป็นตัวที่ทำให้ธุรกิจของคุณเจ๊งได้ เพราะไม่ได้มีแผนและความรู้ที่จะสามารถไปพัฒนาธุรกิจให้ได้ยอดขายและการเติบโตตามเหตุผลของการกระทำต่างๆ ที่ควรวางแผนในเชิงกลยุทธ์เอาไว้

 

หากคุณไม่เข้าใจพฤติกรรมของ User และไม่ได้วัดผลจริงจังและไม่เคยได้ตรวจสอบคู่แข่งทางโลกออนไลน์ของคุณ ทางเราขอแนะนำว่า อย่ามีเว็บไซต์เลยเสียดีกว่า กลับไปแจกนามบัตรหรือแจกใบปลิวเหมือนเดิมจะดีที่สุด

 

 

เช็ค-web-traffic-เบื้องต้น3.jpg

เว็บ Expedia ที่จดด้วยโดเมน .co.th ได้ทำการ Target ในประเทศไทย และมี traffic จากประเทศไทย มากกว่า 96% นั่นคือความสำเร็จของเว็บไซต์ ที่มีคนใช้งานอย่างแพร่หลาย และสม่ำเสมออีกด้วย

เช็ค-web-traffic-เบื้องต้น4.jpg

เรื่องที่สำคัญที่สุด คือการวิเคราะห์ Channel ของคนเข้าเว็บ การพัฒนา ธุรกิจออนไลน์ที่ดี ควรพัฒนาโดยหวังผลทางด้าน Organic Traffic เป็นเรื่องสำคัญ อีกทั้งหากต้องการปั้น Brand ของตนเองให้ติดตลาด จะต้องอาศัย Brand Search Keyword และ การทำ Direct Traffic เข้ามาปริมาณมากๆ นั่นคือการสะท้อนให้เราเห็นว่า users ได้เข้ามาที่เว็บไซต์เราตรงๆ และจดจำเว็บของเราได้

 

อันนี้ทาง Search Monopoly ได้เรียกเทคนิคนี้ว่า “เทคนิค 3 ประสาน” ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการพัฒนาเว็บ Traffic นั่นคือ การจะมี Organic Traffic ที่ดีได้ เราจำเป็นต้องมี Referral Traffic จากแหล่งต่างๆ ในปริมาณที่มากพอที่จะทำอันดับ และการได้ Referral traffic จำนวนมากๆ นั่นหมายถึงการได้ Backlink ที่ทำอย่างธรรมชาติและมีมูลค่าจริงๆ ที่จะนำมาทำอันดับ อันนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใจเลยว่าทำไม การทำ SEO แบบการสร้าง Backlink เสมือน หรือการทำ PBN นั้นทำไม่ได้ เพราะเว็บส่วนใหญ่ จะเป็น Web ที่ทำ Text Spam ขึ้นมาและไม่ได้มี Traffic ที่มีมูลค่าจริงๆ หาได้ตามเว็บที่รับทำ SEO ที่เน้นการทำอันดับแบบ Keyword เป็นหลัก เว็บเหล่านี้ก็จะทำให้ธุรกิจของคุณเสี่ยงเช่นเดียวกัน

 

เรื่องสามประสานเป็นงานใหญ่ที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก การทำ SEO ให้อันดับติดแบบแน่นๆ ดีๆ คือการทำโฆษณา ลงบทความในเว็บที่เกี่ยวข้องกับเว็บของเราเป็นหลักและเฟ้นหา Target Audience หรือ Target Users ที่อาจจะสนใจ สินค้าหรือบริการของเราจริงๆ ซึ่งการทำ SEO แบบนี้อาจจะมีต้นทุนที่แพงกว่า แต่เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการการพัฒนาธุรกิจของตนเองให้แข็งแรงและยั่งยืน โดยไม่ย่ำอยู่กับที่ด้วยอันดับของ Keyword ชุดเดิมๆ แต่ควรถูกเติมเต็มด้วยความหลากหลายของการค้นหา โดยใช้กลยุทธ์ทางด้าน Content marketing เข้ามาเป็นองค์ประกอบหลักที่สำคัญในงานพัฒนาเว็บ

 

ส่วนเรื่อง Social Media ควรเป็นเรื่องรองๆลงไป เพราะการทำให้เว็บนั้นติดตลาด เราต้อง Concern ในเรื่องของการทำ site authority เป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก และเป้าหมายเพื่อการค้นหาพบใน Google เพื่อให้สินค้าและบริการของเราเป็นที่รู้จักอย่างสม่ำเสมอ เมื่อมีการค้นหา ก็จะค้นพบอยู่บ่อยๆ

 

การที่เราเน้นทำ Ads โฆษณา ก็คือการฆ่าตัวตายให้กับธุรกิจของเราอีกทางหนึ่งเลยทีเดียว เพราะเราจะไม่สามารถค้นพบช่องทางที่สร้าง Traffic คุณภาพ และเราจะไม่ค้นพบผู้ที่ต้องการเรียนรู้และเลือกสรรในสินค้าและบริการของธุรกิจของเราจริงๆ ซึ่งการพัฒนาเว็บจะต้องระวังเรื่องการโฆษณาที่เกินตัว และไม่ก่อให้เกิด ROI และไม่มีการเติบโตในระยะยาว

 

ทั้งนี้การพัฒนาเว็บไซต์อย่างยั่งยืน ระบบของเราจะโตไปทุกทิศทุกทาง เรื่องของการปั้น ชื่อ Brand ของเรา อาจใช้ Social Media มาเป็นตัวช่วยในการขับเคลื่อน แต่ไม่ควรนำมาเป็นเครื่องมือในการสร้างยอดขายอย่างถาวร เพราะเรื่องของ Trand Coverage ที่จะส่ง Impact มาที่ Brand Value นั้นมีปัญจัยที่ละเอียดอ่อน โดยเฉพาะเรื่องของ Site Visibility ที่ต้องมุ่งเน้นเป็นองค์ประกอบสำคัญกว่า

เช็ค-web-traffic-เบื้องต้น5.jpg

 

เราควรเข้ามาเช็คสม่ำเสมอในเรื่องของ Performance ช่องทางจาก Referral Traffic เพื่อดูว่าคนเข้าชมมาจากเว็บไซต์ใดที่ให้ความสนใจในบทความที่เราได้ลงหรือไปโปรโมตเอาไว้ อยู่ทุกๆวันหรือรายสัปดาห์ การที่ได้ช่องทางการทำ Referral เพิ่มที่ดีมีคุณภาพจะทำให้เว็บของเราทำอับดับได้ดียิ่งขึ้นไปอีกด้วย การทำอย่างสม่ำเสมอ ด้วยเทคนิคเชิงคุณภาพ บวกกับการพัฒนาการทำอันดับของการเขียนเนื้อหาบทความ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา จะยิ่งส่งเสริมให้เว็บเรา ถูกการใช้งานมาจากทุกทิศทุกทางและมีมูลค่าที่สูงยิ่งๆขึ้นไป

 

 

เช็ค-web-traffic-เบื้องต้น6.jpg

เรื่องของ Organic Traffic เราต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก อย่างเว็บ Expedia นี้มีการค้นหาทาง Search Engine สูงถึง 23% ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่าเว็บมีความต้องการในการใช้งานสูง ค้นหาพบและจำเป็นสำหรับผู้ใช้งาน และมันทำให้เราสามารถ Research DATA ที่เข้ามาทาง Organic Traffic นำมาทำ Content ได้อย่างต่อเนื่อง และมีการเติบโตขยายตลาดได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ตามกำลังแรงของทีมเรา ที่จะพัฒนาเนื้อหาลงเว็บและทำการโปรโมตเว็บผ่านทางช่องทาง Referral ต่างๆ นั่นเอง

 

ดูที่ Paid Search เป็นสัดส่วนเพียงแค่ 17.5% จากช่องทางการ Search เป็นตัวบ่งชี้ว่าการทำ SEO เพื่อให้ติดอันดับทางด้าน Organic จะทำให้เว็บเรามีประสิทธิภาพทางการตลาดมากกว่าการทำ Paid หรือ PPC เพียงอย่างเดียว การบริหารจัดการงบทางการตลาดนั้นสำคัญมากๆ เราไม่ควรพึ่งพา PPC มากจนเกินไปหากเว็บคุณมีแต่การโฆษณาทาง PPC เพื่อหวังผลให้ได้ยอดขายนั้น — อนาคตของเว็บคุณก็จะดับสูญสลาย และธุรกิจก็ล่มกระจาย ไม่มีวันกู่ได้กลับมาอีกด้วย

เช็ค-web-traffic-เบื้องต้น7.jpg

อย่างที่กล่าวไว้ Social ไว้ทำปฏิสัมพันธ์กับฐานลูกค้าและทำให้เว็บเรามีตัวตนมีเรื่องราวมากยิ่งขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ใช้งาน Internet แต่นั่นไม่ใช่ช่องทาง ทางการค้าหลัก เพราะเว็บไซต์ หรือธุรกิจออนไลน์ ต้องการพัฒนา ช่องทาง สามประสานหลักๆก่อนที่จะมามุ่งเน้นในเรื่องของการสร้าง Brand เพราะถ้าเว็บคุณไม่มีการติดอันดับ และไม่ได้มี Traffic อย่างจริงจัง ไม่รู้เรื่องของ User Behavior นั่นก็ทำให้ brand ของคุณไม่ได้เป็นที่จดจำ และไม่ได้มีการ Return เข้ามาในเชิงของ Business Value ที่สามารถวัดผลได้

เช็ค-web-traffic-เบื้องต้น8.jpg

Display เป็นเรื่องที่ทำให้ Brand ของเราถูกผ่านสายตาผู้ชมได้อย่างรวดเร็ว แต่เราต้องรู้ว่า สิ่งที่ควรถูกผ่านสายตา ควรมี Meaning หรือความหมายในใจของผู้ที่มองเห็นอยู่ก่อนแล้ว การผ่านสายตาด้วย Display เป็นเรื่องของการส่งข้อความให้ตระหนักสั้นๆ อย่างจับใจ เพื่อการกันลืม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้าง โปรโมชั่นเพื่อการลดราคาหรือมีข้อเสนอ Offer ที่ใหม่ๆ น่าตื่นใจ

 

แต่หากเว็บคุณยังไม่มี User ที่เข้ามาใช้งาน ยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการใช้งานเว็บของคุณ การทำ Display Ads เยอะๆ ที่มีแต่ เสียเวลาเปล่า.

เช็ค-web-traffic-เบื้องต้น9.jpg

เครื่องมือ SimilarWeb มีอีกช่วงนึงที่คุณสามารถนำไปวิเคราะห์ได้อย่างรวดเร็วว่าเว็บเรานั้นเข้าข่ายเป็นเว็บที่ดูคล้ายๆกับเว็บใดในเรื่องของ Traffic และคุณภาพ Traffic ทีเราได้รับ นั่นจะยิ่งช่วยให้คุณ เข้าไปศึกษาอย่างละเอียดเพื่อมองหาชุดแข็งและจุดอ่อนให้กับโครงสร้างเว็บ และเนื้อหาในเว็บของคุณ อีกทั้งเราต้องกลับมาที่แผนพัฒนาธุรกิจของเราว่าสมควรที่จะเพิ่มเติมหรือ Utillize ในจุดใดเพื่อให้เกิดยอดขายที่ดีกว่าคู่แข่งและหา Innovation ใหม่ๆ ที่คู่แข่งของเรา เดินตามได้ยาก เพื่อเพิ่มจุดแข็งที่เรามีแล้วให้โดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีก และมันจะกลายมาเป็นแผนการพัฒนาการตลาดออนไลฯืได้ในอนาคตต่อๆไป

การวิเคราะห์ Organic Traffic – SEO โดยใช้ Webmaster Tool

ทำเว็บไปสักระยะ – สิ่งที่เราต้องพัฒนา ไม่ใช่ปล่อยให้ web layout หรือ โครงสร้างเว็บ มาบีบบังคับการใช้งานของคน แต่เราเอง ต้องกลับไป พัฒนา Flow

(Artwork) เครดิตภาพ :Logan zillmer - Flying Cars

ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่า การหลับตาทำธุรกิจ และ ใช้มโนจิต เดินทาง

จากบทความ อันเดิม ที่ผมกำลัง Revamp ใหม่ “การเช็ค Traffic ของเว็บ ทำอย่างไร ? มีวิธีใดบ้าง แล้วเช็คทำไม ?” และกำลังเตรียม บทเรียน Google Analytics – Search Advertising ให้แก่ กลุ่ม SME ในวันเสาร์ที่ 1 JULY 2017 ที่จะถึงนี้

ขอให้ลองกลับไปศึกษา บทความที่แล้ว ผมอับเดทใหม่ครับ เพราะดูจากพฤติกรรม ผู้ใช้งาน web page ในหน้านั้น และ จากที่โทรเข้ามาสอบถาม ทำให้ทราบว่า มีคนอยู่ 2 กลุ่ม ต้องการ ที่แตกต่างกัน ในการอ่านบทความ อันเดียวกัน

ทำให้ผมแยกดังนี้ครับ

  • 1) กลุ่ม SME ที่กำลังศึกษา การพัฒนา เนื้อหา ด้วยตนเอง และ กำลัง หาคนเข้าเว็บ แต่ไม่เข้าใจว่า คนเข้าเว็บแล้วไง ? อะไร จึงมีประโยชน์กับธุรกิจของเขา ?
  • 2) พนักงานประจำ ที่กำลังทำ Report หรือ นักวิเคราะห์
  • 3) Agency หรือพวก Digital Marketers ทั้งหลาย ที่กำลังอยากได้การ Check Traffic สำหรับ ทำ Bench Mark Report ไว้ขายลูกค้า

ผมจึง จำแนกแยกบทความ ออกไปสามกลุ่ม จะได้ไม่งง เลือกอ่าน เลือกใช้งานตามชนิด ในแบบที่คุณเป็นครับ

อันที่ 4) คือพวก Geek Tech Dev. สาย Hardcore เล่นเอามันส์ ไว้จัด Start Up แนะนำเข้าไปศึกษา โครงการ The Blue Eye Hackathon ครับ อันนี้ Coding โหดๆ Tracking จริงจัง + Data Intelligent ครับ *** โปรดอย่าเข้ามา ของโหดครับ ไว้ให้คนสายดิบๆ เข้ามาศึกษากันครับ

7 วัน ที่ผ่านมา เกิดอะไรขึ้น กับเว็บ Search Monopoly ?

วิเคราะห์ จากการใช้งาน แม้จะเล็กน้อย แต่เป็น key สำหรับการเติบโต – วิเคราะห์เว็บ และพัฒนาเนื้อหา จากการใช้งาน ของผู้เข้าชมทาง Organic Traffic. โดยการใช้ Google Webmaster Tool

ผมขอ ยกตัวอย่าง เว็บของผมเอง ที่ผ่านมา 7 วัน (22-28 JUNE 2016) Web Search Console จับ ค่า Click ได้ราวๆ 241 Clicks หรือตกๆ เฉลี่ย วันละ 34 คน
มีคนเข้าเว็บ จาก Google Search Engine ผมทั้งหมด เพียง 34 คนต่อวัน !! โอ้ ม่าย …. Noob เกินไปแล้ว ….

ถ้าหาก สถานการณ์ แบบนี้ เราจะแก้อย่างไร ?? หากมืออาชีพ เรื่องแบบนี้ไม่น่ากลัวครับ เพราะเราจะมาดูที่ค่า Impression และ Control Game จาก Impression.
Organic Traffic เลี้ยงเอาไว้ เพื่อศึกษา สิ่งที่เกิดขึ้น และ Outcome เชิงประจักษ์ ได้หลายอย่างเลย ถ้าไม่มีความเชี่ยวชาญตรงนี้ เราจะเสียโอกาสมากๆครับ เพราะเราจะเอาเวลา ไปวัดใจกับการซื้อโฆษณา เสียส่วนใหญ่

การทำ Online Marketing ไม่ใช่เอาแต่ซื้อโฆษณาครับ การหา Target Audience อย่างเดียวก็ไม่ใช่คำตอบ
การโฆษณา ทุกๆวัน ก็ยัดเยียดของให้เขาซื้อนั่นแหละ แต่ Webpage หรือ Content มันคือ Marketing Communication ทำให้คนรู้จักเรา ทีละเล็กทีละน้อย
คนแต่ละกลุ่มให้คุณค่าเราต่างกัน

ผมทำการทดสอบ สร้างโครงการ สอนฟรี มา 8 เดือน พบคนหลายรูปแบบ ตามแต่ Experience ของเขาที่สะสมมา เราไม่สามารถ บังคับให้ Target Audience เลือกในแบบที่เราอยากให้เขาเลือกได้ครับ สิ่งที่เราทำได้ คือปรับสภาพ และวางกลยุทธ์ ของ content ที่สะท้อนตัวเองมากที่สุด

ผมศึกษา จริงจังมาสักระยะ กลับพบว่า การทำเว็บ แทบจะไม่มีหลักการตายตัวเลย เป็นเรื่องของการ วิเคราะห์ล้วนๆ วิเคราะห์ ถูกทาง ก็ยั่งยืน วิเคราะห์ แบบหลอกตัวเอง ก็พังได้
Based บนความเป็นจริงเอาไว้ และพัฒนาในสิ่งที่เรามี ที่เราเป็น ไม่มีสูตรตายตัว คนที่เห็นโลกในรูปแบบเดียวกับเรา ชุดความคิดและการสื่อสาร ที่เข้าใจในแบบเราเขาจะเข้ามาติดตามเราเองครับ เป็น ธรรมชาติเข้าไว้ นั่นแหละการสร้าง Organic Traffic ไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำอีกต่อไป อย่าไปยึดติดกับรูปแบบ

เอาเป็นว่า Intro มาตั้งนาน หรือว่า บ่นๆ แบบคนแก่นั่นเอง
ขอมาเข้าเรื่องกันนะครับ

กราฟ Trend ของผู้ใช้งาน วัด Traffic จาก Web Search Console

web search console - Google Webmaster tool การวัด traffic เว็บ ทาง Organic
SME มือใหม่ ที่มัวหวังลมๆแล้ว กับคนเข้าเว็บจำนวนมากๆ แล้วเราจะรวยเป็นร้อยล้าน แล้ว Brand เราจะปัง แบบที่เขาอวยกันในงาน เซมิหน่า รวยร้อยล้าน หรือ หลักสูตร ร้อยล้าน พันล้าน ในแบบที่คุณเห็นทั่วๆไป — ผมจะบอกว่า คุณโดนของแล้ว — พวกเซมิหน่า พาเพลินพวกนี้ ก็แค่ Build อารมณ์ หรือ จี้จุด (Motivate) เป็นเทคนิคพื้นฐาน ในเรื่อง หลักการตลาด — สูตรพื้นฐาน ให้คุณรู้สึกว่าได้เป็นผู้ถูกเลือกจากพระเจ้า หรือโอกาสทองมาถึงแล้ว — มนุษย์ มีสมอง ที่ถูกกำหนดมาเพื่อให้ถูกกระตุ้น เรื่องแบบนี้ได้ง่าย โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่คุณ อับจนหมดหนทาง — พวกลัทธิ Positive thinking แบบว่า พลังกลดึงดูด จักรยาน อะไรเทือกนั้น ที่หลอกหล่อให้คุณไปติดกับ กับสิ่งลี้ลับ ที่ไม่มีจริง แล้วก็วนกลับมา ที่เว็บผุๆ เน่าๆ ของคุณ และ Brand Identity ก็ไม่ได้มี — มีแต่ อ๋อ บ้าง และก็ แนวคิดบ้าง เพียงทว่า รูปธรรมหล่ะ ??? —> ทำไม่เป็นครับ …

เข้า Loop เดิมๆ กลับไปฟังใหม่ จ้างเอเย่น นักกระจายงาน ปั๊มงานบ้าง ใครซวยหน่อยก็โดนฟันแพงๆ จากพวกโก่งค่าตัวแสนโหด แต่ไม่เข้าใจว่า สภาพจริงทางเศรษฐกิจ หรือจังหวะการเปิดไพ่ ในบริบทนี้ สมควรมากน้อยเพียงใด — สุดท้าย คนตก หุบเหวนรก ที่ไม่มีก้นหลุมมารองรับ ที่ลึกกว่าระดับ Abyss ก็ไม่ใช่ใครครับ มันมักจะเป็นพวก Positive Thinking ทั้งหลาย ที่วันๆ ไม่มี Output นั่นแหละครับ

มาดูกราฟกันนะครับ

เข้าเว็บ วันละ 34 คนจาก Organic เมื่อเช็ค Webmaster Tool

เอาเป็นว่า ตั้งแต่ Jan 2017 เป็นต้นมา ผมมีโอกาส หรือ Area พื้นที่ ทาง Organic ของผมเริ่มมาแทนที่ Facebook Channel แล้ว และผมมุ่งหวังให้เป็นเช่นนั้น
ผมแนะนำ ผู้อ่าน ที่ไม่เข้าใจที่มาที่ไป แนะนำเข้ามาเรียนรู้ การวางกลยุทธ์ ของการเติบโต ที่ระบบ “The War Room” กันนะครับ

Direction ต่อไปที่ผมจะใช้ คือการสร้าง Niche Keyword ที่ไม่ Niche มาก แต่จะให้ Technical แบบ How To ที่ ผู้อ่านเข้ามาใน Target Pages ทำได้เอง แล้วพัฒนา Flow ให้ดียิ่งขึ้น อ่านแล้วทำได้เลย อะไรแบบนี้

โจทย์ของผมคือ “ผมจะเริ่มจากตรงไหน ?”

ก่อนไป งง กับโจทย์ตนเอง ผมก็ต้องมาสอนให้พวกคุณท่านผู้อ่าน ลอง Set Up Webmaster Tool ตามผมครับ เพื่อท่านได้อะไรดีๆ กลับไปบ้างครับ location traffic ในประเทศ ไทย

เปิด Google Webmaster ขึ้นมาเลยครับ หากคุณได้ทำการ Tracking Webpage ของคุณ ด้วย Google Search Console แล้ว
หากใครยังไม่มี ลองเข้าไปติดตั้ง Google Search Console กันก่อนนะครับ (ใคร ติดตั้งแล้ว ก็ข้ามไปได้เลยครับ)

การ SETUP – Specific Tracking สำหรับ Scenario นี้ครับ

  1. ให้ click ที่ Queries
  2. ให้ปรับ Countries เป็น Thailand (เนื่องจาก โฟกัส Group ของผมคือคนไทย ที่อยู่ประเทศไทย)

จัดการสอง Setting นี้ แล้วคุณลองดู Graph ที่มันขึ้น ใน Moment 7 Days และ Moments 28 Days.

แล้วหากมีเวลา ลองดูหลังจากการปรับใหญ่ 90 Days

การทำงานของ การทำ SEO จะมี Loop ดังนี้ครับ

  • 7 days เคลียร์ Topic หลัก
  • 28 Days Clear โครงสร้าง แนว Specific Targeting
  • 90 Days ดู Reflecting อันดับ ว่ามาถูกทางไหม

อันนี้สำหรับเว็บ Low Authority ครับ ถ้าเว็บข่าว คุณทำอีกแบบเลย หรือเว็บ Dynamic ที่ไร้การควบคุม ให้ทำ Sitemap แยก แล้วใช้ Loop 90 วันครับ

ใครเชี่ยวชาญทาง SEO กว่าผม comment มาได้เลย ถ้ามองว่าไม่ได้เป็นความลับทางเทคโนโลยีอะไร

แต่งานนี้ผมเต็มใจ Share ให้ครับ เอาไปฟรีๆเลย ผมทำแบบนี้ ในเว็บลูกค้า แล้วมันก็ พองโตแบบอึ่งอาง ไม่สิ้นสุดเลยครับ

เหมาะกับการทำ SEO สาย Specific Niche สายขาว (White Hat SEO) โตด้วย Index. ใครเก่ง Content Marketing เอาแนวคิดของผมไปทำได้ครับ

ทำไมผมจึงทำเยี่ยงนี้ ? Search Engine ทำงานรอบหนึ่งอย่างไรกัน ?

ผมขอใบ้ในนี้นะครับ Loop การทำงานของ Search Engine ของค่าย Google มีรอบ Update ใหญ่ ปีละ 1-2 ครั้ง ทำไมอย่างนั้นหล่ะ ??
เพราะว่า Google Search Engine มีรอบการปรับ 18 เดือนครับ บางปีเลยเห็น 1 ครั้ง บางปีเลยเห็น 2 ครั้ง สลับหมุนวนกันไปครับ
มันแกว่งครับ แบบไกวเปล ถ้าจับการโต หรือดูรอบของ Graph Impression จนชำนาญ คุณจะเข้าใจ ว่า Search Enigne ดูอะไรคุณอยู่ และให้คะแนนพิศวาสอะไรคุณอยู่
ทำไม SME และเจ้าของโรงงาน ไทยๆ ไม่มาเรียนรู้แล้วทำให้ถ่องแท้กันนะ ทำไม เอาแต่ตามข่าว แล้วมาบ่นๆ มาท้อแท้กันนะ ??
เพราะพวกคุณ ไม่ได้ทำหรือเปล่าครับ ??

เช้ามา 3 ชั่วโมงแรก ทำงาน Online ได้หรือเปล่า ???
ความจริง ถ้าคุณ จัดเวลา และให้คุณค่ามัน คุณจะชนะไอ้โลก 4.0 อุปโหลกอันนี้ครับ
ซึ่ง Gen Y ที่อายุ 30 เก่งๆ เขาทำกันอยู่ แล้วรุ่นน้องๆ Gen Y ที่เป็น Startup Digital 100% เขาโกย ร้อยล้านกันเพราะอะไรครับ ??
เขาเอา เรื่องนี้เขาสายเลือดเขาไปแล้ว หายใจเป็นเรื่องพวกนี้แล้ว แต่พวกท่าน เขามาดมๆ แล้วก็ไป… ไม่ยำกับมันจริงจังไงครับ …

ดูกราฟ 7 วัน และดูเชิงลึกครับ

ดู Keyword ที่ทำอันดับใน 7 วันที่น่าสนใจ
กลุ่ม Keyword ที่มี Engagement มี usability ที่ดีครับkeyword ที่เกี่ยวข้องใน Webmaster tool
ดู Keyword เพื่อหา Page ที่่ทำอันดับได้ดีขึ้น และ Revamp page ให้ดีขึ้น
กลับมาที่ Business Development และ Analysis Bible ของ “The War Room” ท่านจะเข้าใจว่าจะต้องดำเนินการต่ออย่างไร บทความนี้ให้เป็น Guideline วิธีคิด และไอเดียครับ
ส่วนเรื่อง Operation ในเนื้องานจริง แนะนำให้มาเข้าร่วม เรียนรู้กับ Search Monopoly ที่ระบบ “The War Room” ครับ

7 Clicks ที่ได้มา ใน กลุ่มที่เราสนใจ
ดู เส้น Impression มี วิธีการ Filter และพัฒนา Flow ของ content ใหม่ๆ ครับ
เข้าใจการใช้งานในกลุ่มคนตรงนี้ แล้วเราทำ Test Case ออกไป แล้ววัดผลที่เขาเข้ามาใหม่
คนใหม่ๆจะเรียนรู้ Product และ Service ของเราได้ดีขึ้นครับ

การทำ Internal Link แบบ Keyword Farming เพื่อผลทาง SEO เดี๋ยวนี้ ทำได้ไม่มากแล้วครับ ต้อง FLOW แบบ UX คิดเสมอว่าเขาจะเจออะไรต่อไป
ตอนนี้ ผมเอง ก็ ได้ อิทธิพล แนวคิดดีๆ มาจาก webbastard มาบ้างครับ

เพียงแต่ Search Monopoly ปล่อยของเด็ดๆ ในฐานทัพลับเท่านั้นครับ ในหน้าเว็บเพจ อาจเอามากล่าวเชิง Idea.

ถ้าสนใจอยากได้ของ แนะนำเข้ามาเก็บกับเราที่ War Room นะครับ

การเช็ค Traffic ของเว็บ ทำอย่างไร ? มีวิธีใดบ้าง แล้วเช็คทำไม ?

การทำเว็บ เราต้องพัฒนาและสร้าง Traffic ที่ตรงตามเป้าหมายของธุรกิจของเราเข้ามาใน Website ของเรา เราจำเป็นต้องใช้ เครื่องมือต่างๆ ดังนี้

การเช็ค Web Traffic และ ผู้เข้าชมเว็บของเรา

หลังจาก เขียนบทความนี้ ไปเกือบๆ ปีแล้ว - มีทั้งเจ้าของธุรกิจ ที่เพิ่งเข้ามาเรียนรู้การทำการตลาดออนไลน์ และสนใจ การวัด Traffic ของเว็บไซต์ตนเอง เข้ามาสอบถามเป็นจำนวนมาก
ตอนนี้ ผมเอง กำลังทำ Tool ตัวหนึ่ง เกี่ยวกับการ วิเคราะห์ Web Visitor โดยใช้ Google Analytics API มาช่วยทุ่นแรง และหา Touch Point ทางด้านแผนการตลาดออนไลน์ ให้มีประสิทธิภาพ และรวดเร็วกว่าเก่า

เช็ค Traffic เพื่ออะไร ?

เท่าที่ ตอบคำถาม และ E-mail ให้แก่ ผู้ที่เข้ามาสอบถามในบทความนี้ จำนวนมาก โดยเฉพาะ ผู้ที่ยังไม่มีพื้นฐาน เข้ามาหา และเข้ามาอ่านบทความนี้ทำให้ ผมต้องลองถาม ผู้อ่านก่อนนะครับว่า คุณวัด Traffic ไปเพื่ออะไร ?

หลายคน อาจจะ งงๆ และ ตอบไม่ถูก ถ้ามีประสบการณ์ ทางด้าน Web Analyst มาบ้างแล้ว คุณคงเข้าใจว่า การวิพฤติกรรม ผู้ใช้งาน คือ core หรือ หัวใจหลักของ การวัด Traffic ให้เว็บ
ส่วน ผู้บริหาร และ Media Buyer ต่างๆ ทั้ง In House และ ในโลก Digital Agency หลายๆ สำนัก คือการวัดการเติบโต ของผู้เข้าชม หรืออาจจะวัด Ads Performance และ อีกทั้ง Campaign Performances ต่างๆ ขึ้นอยู่กับ โจทย์ของธุรกิจของคุณ ส่วน นักทำ UX มักจะ Test Usability หรือ การใช้งานที่เหมาะสม และวัดค่า Flow ของ users ที่เข้ามาในแต่ละหน้าเว็บเพจ

กลับมาถามอีกครั้ง : ท่านผู้อ่าน / ตัวท่านนั้น เข้ามาอ่านบทความนี้ เพื่อต้องการ วัด Traffic เรื่องใดเป็นสำคัญ ?

เอาเป็นว่า คุณลองเลือกอ่าน ตามคำถาม ที่ผม ลงไว้ใน List รายการด้านล่างนี้นะครับ ถ้าสงสัย หรือ อยากเรียนรู้ตรงไหน ให้ ติดต่อ โดยตรงที่ผมทาง เฟสบุ๊ค แฟนเพจ ตามนี้ครับ > Ask Search Monopoly via Fanpage

1. หากคุณเป็นเจ้าของเว็บมือใหม่ ไม่ชำนาญเรื่องการวัดค่า Web Traffic

ให้เข้ามาเรียนรู้ที่ หลักสูตร : The War Room - ราคา สมาชิกรายปี 3,500 บาท
โปรดอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับหลักสูตรก่อนนะครับ Class Room นี้ ผู้ผ่านเข้ามาเรียนได้ ต้องผ่าน Interviews ของเราก่อน
เราสอนและเปิดรับจำนวนจำกัดเท่านั้น เนื่องด้วยประเด็น คือการสร้าง พันธมิตรทางด้าน ออนไลน์ และ ให้ประโยชน์กับผู้สนใจจริงๆ และอยากทำเว็บ และ สร้างการเติบโตให้ธุรกิจของคุณในช่องทางออนไลน์จริงๆ เป็นระบบแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ และเป็นทางลัดในเรื่องการเติบโตและลดต้นทุนโฆษณา และ การทำ SEO ให้แก่เว็บของคุณได้ครับ

2.หากคุณเป็น Agency ที่จะขายโครงการ มีความชำนาญ การใช้ Google Analytics และ Facebook Analytics Tool มาบ้างแล้ว

ผมขอแนะนำ ให้คุณเข้ามา ศึกษา การใช้งาน Similar Web ครับ หรือพวก Alexa Tool อันนี้ผมสามารถสอนให้เรียนรู้การขายงานโดยทำ Project Proposal และ วิธีการวัดค่าด้วยเครื่องมือเหล่านี้ ไปทำ Benchmark Report ส่งผู้บริหาร เพื่อการขายงานโดยเฉพาะครับ
คุณสามารถ เข้ามาเรียนรู้ได้ที่ : การใช้เครื่องมือวัด Traffic ต่างๆ

3. สำหรับ Operation หรือลูกทีม ที่ทำด้าน Digital Marketing พวก SEM PPC และ SEO

แนะนำให้เข้ามาอ่าน เรื่องการวัด Traffic แบบผู้บริหารครับ

การเช็ค Traffic อย่างง่าย แบบพื้นฐาน

จะมีตัวอย่างของการวิเคราะห์ Traffic ให้บางส่วน แต่ในที่นี้จะเขียนอธิบายให้ผู้พัฒนาทางการตลาดออนไลน์ ได้เข้าใจเรื่องความสำคัญของการเช็ค Traffic โดยจะเขียนแบบ Basic แต่จะมีแผนในการเขียนวิเคราะห์เนื้อหาเชิงเทคนิคขั้นสูงโดยใช้ Google Analytics ในการตรวจเช็คคุณภาพ Traffic อีกทีหนึ่ง ซึ่งอาจจะใช้เวลาในการพัฒนาเนื้อหาที่นานกว่า แต่โปรดติดตามในตอนต่อไป

 

การเช็ค Web Traffic จากการเติบโตทาง Organic Traffic

ใช้พวก Google Search Console ถ้ารู้จักการใช้งานแบบลึกๆ และรู้จักเทคนิคพลิกแพลง โดยใช้เครื่องมือการวิเคราะห์ข้อมูลเข้ามาช่วย Filter DATA จะทำให้เรารู้ว่าจะต้องวางเป้าหมายอย่างไรต่อ และเราจะรู้การออกแบบโครงสร้างเว็บแบบ Micro Units ว่าต้องสร้างอะไรที่ละเอียดและลึกขึ้นไปเชื่อมโยงกับของเก่า เป็นหลักของการทำ Optimization ที่ละเอียดแต่เห็นผลที่ดีกว่ามากๆ

 

 

การใช้ Google Analytics ในการตรวจวัด จำนวนผู้เข้าชมในเว็บของเรา

Google Analytics เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงมาก เพราะเราจะอ่านใจคนเข้ามาค้นหา และใช้งานของเว็บเราได้อย่างแม่นยำเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้นักการตลาดออนไลน์ เกิดไอเดียในการพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์แผนธุรกิจของเรา และตรวจเช็คคุรภาพของ Traffic ที่เราได้การผลลัพธ์การใช้งานของ Users ในหน้าเว็บเพจต่างๆ ในเว็บไซต์

เราวัด Web Traffic เพื่ออะไรบ้าง ?

เพื่อพัฒนาเว็บไซต์ให้มีการเติบโตที่ดียิ่งขึ้น
ทำให้เนื้อหาของเรา มีการปรับปรุงให้เหมาะสมกับการใช้งานมากยิ่งขึ้น
ช่วยในการทดลอง Output ที่เกิดขึ้น เพื่อนำมาพัฒนา Input ในรอบหน้าให้ดีขึ้น มีการเรียนรู้จากกระบวนการทำซ้ำเป็นรอบๆ
ทำให้เรามีเป้าหมายของการพัฒนาเว็บ และมีทิศทางที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้น
ทำให้เรารู้สถานะการณ์ที่เกิดขึ้นในเว็บของเรา เพื่อวัดเปรียบเทียบกับอดีตและต่อยอดไปสู่อนาคต
ช่วยในการหา Signal ในการเพิ่มยอดขายที่ดียิ่งขึ้น
ช่วยในการพัฒนาเนื้อหาเพื่อนำไปสร้างยอดขายที่ตรงจุดได้อีกขึ้น

 

เราจำเป็นจะต้องทำอย่างไรกับ Web Traffic ของเรา

เก็บรวบรวมแล้วนำมาวิเคราะห์ พร้อมทั้งสร้าง Actionable Plans ที่จะนำมา Implement ในงานต่อไป เป็นกระบวนการพัฒนาเนื้อหาเว็บและการตลาดออนไลน์ในช่องทางต่างๆ

ข้อมูลทั่วไป เกี่ยวกับ Web Traffic

เว็บ Traffic คืออะไร ?

Web Traffic คือ จำนวนของ Data ที่ถูกส่ง และ ได้รับ โดย "ผู้เข้าชมเว็บ"
"ผู้เข้าชมเว็บ" ในโลกออนไลน์ เราจะเรียกพวกเขาว่า User หรือ Visitor
หลายๆ คนในวงการออนไลน์ ยังคงสับสน และไม่เข้าใจ และมักเรียกผิดเสมอครับ เกี่ยวกับ "ผู้เข้าชมเว็บ" และ "ลูกค้า"

เราอยากให้เข้าใจตรงกันก่อนว่า "ผู้เข้าชมเว็บ" กับ "ลูกค้าที่เข้ามาในเว็บเรา" นั้นแตกต่างกัน นิดนึง
"ผู้เข้าชมเว็บ" ไม่ใช่ ทุกคน ที่เข้าเว็บเรา นั้นเป็น ลูกค้าของเรา
ลูกค้าที่มาจากเว็บของเรา คือ "ผู้เข้าชมเว็บ" เพียงบางคนเท่านั้น

แนวคิดแบบง่ายๆ นะครับ
ถ้าทุกๆวัน มีคนเข้าเว็บเรา 100 คน แล้วมีคนซื้อของเราเพียง 1 คน
หมายความว่า เรามี "ผู้เข้าชม" = 100 คน
และ มี ลูกค้าเรา = 1 คน

และอีก 99 คน ยังไม่ใช่ลูกค้าของเรา
หมายถึง เราไม่ได้กำไร จากลูกค้าของเรา อีก 99 คนนั่นเอง

เจ้าของกิจการส่วนใหญ่ มักคิดง่ายๆ คือ ทิ้งๆขว้างๆ ไปเถอะ รอ อีก 200 คน เราจะได้ 2 คน
รออีก 400 คน เราจะได้ลูกค้า 4 คน

รอคนเข้าเว็บอีก 10,000 คน เราจะได้ลูกค้า 100 คน
ชีวิต มีแต่ รอ รอ รอ

แบบนี้ผิดครับ

โลกของคนทำออนไลน์ เป็น และ ชำนาญ
เราจะเปลี่ยน User ให้เป็น Customer ด้วยวิธีง่ายๆ

การเข้าใจ Web Traffic ของเราเนี่ยแหละ

จะทำให้ 200 คน เราจะได้ลูกค้า เป็น 5 ราย
รออีก 400 คน เราจะได้ลูกค้า 15 ราย
รออีก 1000 คน เราจะได้ลูกค้า 45 ราย
รออีก 10,000 คน เราจะได้ลูกค้า 890 ราย

อะไรประมาณนี้
เราเรียกสิ่งนี้ว่า Conversion Optimization

แต่จะทำอย่างไร ขอแนะนำว่า ให้ลองเข้ามาศึกษา ที่ระบบ The War Room

ความจริงแล้ว เมื่อคุณผู้อ่าน ลองศึกษา เรื่องการเช็คเว็บ Traffic แล้ว และเริ่มมีความเชี่ยวชาญ เรื่องการสร้างการเติบโตด้วย เนื้อหาเว็บ 

หรือ เรียนรู้การทำ content marketing ก็ดี หรือ ฝึกทำ SEO เพื่อสร้าง volume ทาง Organic Search ก็ดี 

ท่านจะเริ่มชอบงาน UX หรือ พัฒนา web interaction อย่างที่ ทีมงานของ Search Monopoly ขึ้นมา 

 

เลยเอาตัวอย่าง กรณีศึกษา เรื่อง friction กับ motivation ซึ่งสัมพันธ์ต่อแรงเสียดทาน ในเรื่องการทำ Sale Conversion ขึ้นมาด้วย อาจต้องค่อยๆ สั่งสมประสบการณ์ จากการวิเคราะห์ User Behavior

 

ส่วนเรื่องของหน้าตาเว็บ Search Monopoly ที่ทางทีมงานคิดว่า ใช้งานยาก และลอง research user preference 

เราเองก็พบว่า ยังมีจุดอ่อนในการพัฒนาให้การใช้งานดีขึ้น เนื่องจาก ข้อจำกัดในด้านเวลา และต้นทันการผลิต สื่อการสอน และ จัดสร้าง Knowledge นี้ขึ้นมา 

 

แต่เราก็ยังคงสนุกกับการ พัฒนา Quality Traffic ในเว็บเรา เพราะ เท่าที่ทำมาแล้ว กว่า 9 เดือนนั้น เราพบว่า เว็บเรา เริ่มมีแฟนพันธ์แท้ ที่เข้ามาสอบถามทาง E-mail และ เข้ามาศึกษา สิ่งที่เราอยากนำเสนอใน Content ที่เรา publish ลงไป

 

เราไม่ได้มีความเชี่ยวชาญทางด้านการทำ content marketing ดีๆ แต่เราถนัดในเรื่องของการพัฒนา ระบบภายใน และการเรียนรู้ทางด้านเทคนิค ท่านผู้อ่าน หากท่านเป็น มือใหม่ โปรดค่อยๆ ศึกษา จากเนื้อหา ของเว็บเรา แล้วท่านจะได้ประโยชน์ อันสูงสุดครับ 

 

โปรดใช้เวลาเพลินๆ ในยามว่าง ท่านจะเรียนรู้ได้ดีกว่า ตอนที่ใช้เวลาเร่งด่วน หรือ ตั้งใจมากเกินไป

 

การวัดพฤติกรรม การเข้าชมเว็บเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก 

เนื่องจาก เท่าที่ Search Monopoly พัฒนาเว็บนี้มา 9 เดือน เราจะเห็นว่า จะมี user ขาประจำ มาอ่าน เนื้อหาของเรา ตั้งแต่ 4 ทุ่ม ถึง ตีสาม และเป็น Users ขาประจำ ที่เข้ามาอ่านเก็บความรู้ อยู่ราวๆ 5% ส่วนที่เหลือ กลายเป็นขาจร ที่เข้ามาอ่าน ไม่กี่หน้า ก็ไป 

 

แต่ 5% นี้ กลับโตขึ้นเรื่อยๆ ตามการเติบโตของ Organic Traffic และมีคนที่เข้ามาติดตามจาก Social บางส่วน 

 

เนี่ยแหละครับ ความเจ๋งของ การ track web และ การเรียนรู้เรื่อง Web Traffic ช่วยทำให้เรา เข้าใจ Area Business ของเรา และ Right Time -> Right Customers แค่นี้เราก็ ไปอย่างถูกทิศถูกทางแล้ว 

 

ทางเว็บ Search Monopoly ไม่ได้ใช้ โฆษณา หรืองบโฆษณา ที่มากมาย แต่อาศัย เนื้อหา เชิงลึก ที่กรั่นกรอง มาจาก ประสบการณ์ การทำงานโดยตรง 

 

ณ ปีนี้ ตั้งแต่ July 24 นี่เป็นช่วงเริ่มต้นของชีวิต Start Up เราเริ่ม Form ทีมคนเก่ง มาพัฒนาโครงการ อีกตัวหนึ่ง ซึ่งจะเน้นเรื่องของงาน Data Analytic และ Web Analytic Visualize โชคดีได้ dev. ที่ดันมีหัว ศิลป์ เชี่ยวชาญ UX 2 คนในคนเดียว หายากในตลาดบ้านเรา ไว้ติดตาม เนื้อหา ของ Search Monopoly กันนะครับ โปรดติดตาม Update ตอนหน้าครับ 

 

อนาคต อาจมีการขายของมากหน่อย เพราะต้องเริ่มเช่า Office และ วาง Facility แล้ว แต่โปรดวางใจครับว่า Product ของเราที่ออกใน Search Monopoly จะผ่านการ Research จากกลุ่มผู้ใช้งาน และผ่านการทำงานจากประสบการณ์ตรงแล้ว ไม่เหมือนไปอ่านตามหนังสือในร้านหนังสือทั่วไป เพราะเราขายความลับ ของระบบเรา ขาย Expereicne ที่หาได้ยากในตลาด จะว่าเป็น Niche ในตลาดเลยก็ว่าได้ เพราะมันต้องไปเรียน Online หลายๆ courses แล้ว test ระบบ แล้วลองเอา outcomes มา discuss ในทีม และผ่านกระบวนการ ทำจริงให้กับกลุ่มลูกค้าของ Search Monopoly มาแล้ว หากท่านมีปัญหาแนวเดียวกัน ลองพิจารณา หนังสือ E-Book ใน Edition ต่างๆ ครับ เราค่อยๆพัฒนาเติมเต็มให้มีคุณภาพที่สุด 

Idea การออกแบบ งาน web tracking เบื้องต้น

การ Tracking Web Traffic และไอเดียการออกแบบ


หลังจากที่ทำงานหนักๆในเรื่อง Web Tracking มาแล้ว ทำให้รู้ว่า ปัญหาสำคัญในการวิเคราะห์ DATA ที่ถูกต้องมาจากการ Filter ของเราที่ทำได้ไม่ถูก
การที่เรา Design รุปแบบงาน Tracking Web ที่มีโครงสร้างที่ไม่ดี ทำให้เราได้แต่วิเคราะห์งานมั่วๆ ไม่ละเอียด และไม่สามารถทำเนื้องานเว็บในแบบเชิงลึกได้จริงๆ
คนที่สามารถทำงาน Tracking Web ได้ดีๆ ทำให้ เนื้องานออกมาได้อย่างละเอียด และจะเห็น Pattern ของการพัฒนางานอย่างถูกทิศถูกทาง
อีกทั้งเราสามารถ ป้องกัน Defence ความคิดหรือ Idea ต่างๆให้กับ Team ของเราได้ดีอีกด้วย

บางที หลายๆแผนกๆ ที่มีส่วนรับผิดชอบงานด้านการตลาดออนไลน์ ที่ไม่ค่อยมีความรู้ความเชี่ยวชาญในการสร้าง Traffic ที่มีคุณภาพ เราจึงต้องให้ความรู้แก่พวกเขาผ่านทางรายงานการวิเคราะห์เหล่านี้เป็นต้น

สำคัญที่สุด


แยก คนเข้าเว็บ ที่มี พฤติกรรมที่มีคุณภาพ (Validate #1)
แยก คนเข้าเว็บ ที่มี พฤติกรรม ที่ ไร้คุณภาพ (Low Quality)

(Validate #1) เราจะนำมาคิดเป็น Session.

หรือวัดจำนวน คนเข้าร้าน ที่อยากจะเข้ามาดู อะไรต่างๆ ในร้านจริงๆ แล้วเราก็มาแยก Level ของ Validate Traffic ออกเป็น Quality ต่างๆ จำแนกตาม Goal
อย่ามอง ภาพรวม ให้วิเคราะห์แยกเป็นก้อน เพื่อ การพัฒนา เว็บ ที่ตรงกับ ทิศทางและเป้าหมาย ของ การตลาด ธุรกิจ