>

NEUROMARKETING คืออะไร? – เรื่องจริง หรือ หลอกลวง ?

NEUROMARKETING เป็น เรื่องใหม่ ที่ผมเริ่มเห็นถี่ขึ้น ตั้งแต่ช่วงปี 2016 และตอนนี้ ปี 2017 ได้มีพวก Internet Coaching ในบ้านเรา เริ่มหันมาพูด และ จัดคอร์สขาย ต้อนคนไปเรียนเรื่อง NEUROMARKETING จำนวนมาก และ ถี่มากๆ โดยมักปล่อยการเชิญชวนมาทาง โฆษณา Facebook Ads เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งผมเอง ก็เกือบหลงเชื่อ เดินไปซื้อตั๋วเข้างาน แต่โชคดี เห็นบ้างเจ้า เก็บตั้ง เกือบหมื่น บาท เลยเอะใจแล้ว เพราะ ยิ่งเก็บแพงๆ และ มาขายแบบ ว๊าวๆ ทำให้รู้สึกว่ามันต้องมีอะไร ซ่อนเร้นอยู่

ค้นหา ข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับ NEUROMARKETING

วันนี้ ผมเลย เข้ามาเขียนบทความ ในฐานะ Observes และ Research ข้อมูลเพิ่มเติม ใน Internet เพื่อดูว่า เกิดอะไรขึ้น และ ไอ้คำว่า NEUROMARKETING นั้น คืออะไร กันแน่ และมีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร – ตัวผมเอง เคยได้ยินคำว่า Neural Network หรือ Artificial neural networks (ANNs) ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับโดยสิ้นเชิง (ณ ขณะนี้)
อันดับแรกเลย ผมลองเข้าไปหาคำค้นหาใน Google คำนี้ก่อนเลย “Neuro Marketing Hoax” เพื่อลองค้นหาบทความ ต่างๆ ว่าใครมีเขียนพาดพิงถึงเรื่อง Neuro Marketing ว่าเป็นเรื่อง โกหก หลอกลวง หรือไม่ ? แต่ก่อนอื่น ผมขออธิบาย เกี่ยวกับ Neuromarketing ที่ได้ไปเจอ ใน Wikipedia ก่อนเลย (เอาเข้าจริง อย่าเชื่อ สิ่งที่ Wiki เขียนมา เพราะ พวก Scammer สามารถสร้างลงใน Wiki ได้เช่นกัน) เพื่อลอง Test Source ว่ามี Paper ใดเขียนถึง Neuromarketing อย่างจริงจัง และมีข้อพิสูจน์ในทางวิชาการมากน้อยแค่ไหน ?

Neuromarketing-wiki

ภาพบางส่วน ตัดมาจาก (source : Wikipedia – Neuromarketing, 2017) https://en.wikipedia.org/wiki/Neuromarketing

Neuromarketing คือ สาขาเนื้อหา เกี่ยวกับ การเรียนรู้ และเข้าใจ sensorimotor ของ ลูกค้า (เดี๋ยว ถ้าอยากรู้ว่า sensorimotor คืออะไร ขอแนะนำให้ลอง e-mail มาขอ บทความแปล ได้จากผมนะครับ บางอย่าง เอาลงไม่ได้จริงๆ ณ ตอนนี้ )
อะไรบางอย่างของลูกค้า ที่เกี่ยวกับ “Marketing Stimuli” 3 อย่าง

  • Sensorimotor
  • Cognitive
  • Affective

โดย วิชา Neuromarketing เนี่ย เห็นว่าเป็น หลักการในส่วนหนึ่งของวิชา “Neuroscience” – อันนี้ เขียนโดย Wiki นะครับ ต้องลองพิสูจน์ ว่ามันใช่ไหม พอดีไม่ได้อยู่ในสาขาความรู้นี้ ได้แต่เขียน ในลักษณะบรรยาย จากการค้นหาจากแหล่งต่างๆ เท่านั้น
การวิจัย ได้นำเอาเทคโนโลยี เกี่ยวกับ “functional magnetic resonance imaging” (fMRI) เพื่อการวัดค่าการทำงานของสมอง ในส่วนต่างๆ
Electroencephalography (EEG) การวัดกระแสไฟฟ้าในสมอง โดย Plot ออกมาเป็นค่ากราฟ
Steady state topography (SST) เพื่อวัดกิจกรรมที่เป็นส่วนเฉพาะเจาะจง ที่เกิดขึ้นจากการทำงานในส่วนสมอง

การวัด โดยจับค่าเหล่านี้ เพื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงระดับ ทางจิตวิทยา

วิธีการวิจัย เขาวัดอะไรบ้าง ?

เท่าที่เห็นจากในบทความ มีดังนี้
1. Heart Rate – การวัดอัตตราของหัวใจ
2. Respiratory Rate – การวัดอัตตราการหายใจ
3. Galvanic Skin Reponse – การโตตอบของชั้นผิวหนัง
4. Facial Coding – การจับค่าของการส่งผ่านทางอารมณ์บนใบหน้า
5. Eye Tracking – วัดการตอบสนองของสายตา

การวัดเหล่านี้ ทำไปเพื่อ เรียนรู้ พฤติกรรมการตัดสินใจของ ผู้บริโภค โดยศึกษาว่า การตัดสินใจต่างๆ มีค่า Output ตัวแปล ที่วัดได้ในแต่ละส่วนเป็นรูปแบบอย่างไร
สิ่งที่เรียนรู้ ทางการวิจัยนี้ เพื่อพยายาม พยากรณ์ เรื่องของ พฤติกรรมผู้บริโภค

การวิจัยนี้ ใช้สมาชิก สำหรับเป็นตัวอย่างการวิจัยจำนวนกว่า 1,700 คน โดยใช้งานมากกว่า 90 ประเทศ

องค์กร ที่เกี่ยวข้อง = Neuromarketing Science & Business Association

Neuromarketing Science-Business Association-site

ลองเข้าไปดู สังเกตว่าเว็บตายไปซะแล้ว 😀

แต่ในระยะช่วง 1990 จวบจนปัจจุบัน มีหลากหลายหน่วยงาน พยายามวิจัย Topic นี้เพื่อ ตีพิมพิ์ “white papers on the potential applications of Neuromarketing”
พอพยายามลองเข้าไปดู :: http://drdavidlewis.com/assets/NeuroMarket1.pdf
พบว่า ไฟล์นั้น ไม่อยู่แล้ว Report 404 เฉยเลยครับ อันนี้ ทำให้ผมกล้าส่งจดหมายเวียน ไปที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กรองปราบ ในส่วนงาน อาชญากรรมทาง Cyber เตรียมไว้ก่อน กันเหนียว เผื่อมีพวกรู้ดี มาเคลม …
ผมว่า Topic ทาง Online Marketing ถ้าอยากศึกษา ให้ใกล้เคียงและได้อะไรที่อ่านแล้ว ลึกซึ้งกว่า Topic นี้
ผมอยากแนะนำว่าให้ท่านลองศึกษา พวก “consumer behavior” + “consumer preferences” น่าจะได้อะไรกลับมามากมายกว่านัก แล้วไปต้องไปปวดหัว เพื่อศึกษาอะไรที่เกินขอบเขต และ เราอาจนำสิ่งๆนั้นมาไช้ได้ไม่เต็มที่
ทางผมเองก็ยัง เดินวนอยู่ที่การ research พฤติกรรมของ User Preferences เสียมากกว่า เพราะ เป็น Field ที่ผมทำงานอยู่นั่นเอง โดยเก็บตก จากการแชร์ ความรู้ของกลุ่ม UX และ OM Insight ที่หาได้ทั่วๆไป และ ส่วนใหญ่ Experience ตรงๆ จาก กลุ่มคนทำงานด้วยกันเนี่ยแหละ ให้ Positive Knowledge ที่นำไปปรับใช้ได้จริงๆ มากกว่าครับ งานพวกนี้ คืองานเก็บ เทคนิค ใครมาขายหลักการ แบบนี้ มักใช้ไม่ได้จริงครับ เพราะพวกนี้มักพูดกว้างๆ หาสารประโยชน์อะไร นำไปใช้จริงสำหรับผมไม่ได้เลยจริงๆ หรือ คนอื่น อาจจะได้ก็ได้นะ อันนี้ แล้ว แต่ปัจเจกฯ.

ประวัติ และ ที่มาของ Neuromarketing

ประวัติ และ ที่มาของ Neuromarketing เป็นงานวิจัยเกี่ยวกับ กระบวนการตัดสินใจเลือก และ เรื่องของ Motivations ท่านที่เคยศึกษาจาก ระบบ The War Room ท่านเอง ก็คงเข้าใจและผ่านแนวคิดมาแล้ว ว่า Selection กับ Fundamental Of Motivations นั้นมีอะไรบ้าง อันนี้ มันใช้ประยุกต์ใช้กันมานานแล้วครับ ไม่ใช่ของแปลกใหม่ เป็น Fundamental พื้นฐานมากๆ ใครเอามา ล้างน้ำ ตั้งชื่อใหม่ แล้วมาขายคอร์สแบบนี้ ถือว่า น่าเสียดายครับ ขายของชิ้นเดิมๆ เอามาพูดชื่อใหม่ 50 – 100 รอบ เก็บเงินกับหลักการ ซ้ำๆแบบนี้ ผมว่า คนเรียน ไม่โต

อย่างไรก็ตาม Neuromarketing เป็นศาสตร์ของการ สังเกต พฤติกรรม และ แสดงข้อมูลที่ลึกกว่า ในเรื่องของความซับซ้อน ของพฤติกรรมผู้บริโภค โดยที่ผ่านมา พวกเขาต่างสนใจว่า อะไรคือ Motivation ที่อยู่เบื้องหลัง ทำไม จึงรู้สึกเช่นนั้น ทาง Neuroscience ก็เลยพยายาม Prove หรือ พิสูจน์ ในเรื่องความเข้าใจและความรู้เกี่ยวกับ อารมณ์ ที่ทำให้เกิด พฤติกรรม

นักทฤษฏี ได้เห็นว่า คนแรกที่ กล่าวถึง Neuromarketing คือ ผู้เชี่ยวชาญทางการตลาด ชื่อ “Gerald Zaltman” ในปี ทศวรรต1990 โดย Zaltman และ ทีมงาน ได้รับการ จ้างโดยองค์กรใหญ่ๆ อย่าง Coca Cola Ltd. เพื่อหา ข้อมูลเชิงลึก จากการ สแกนสมอง และ ดูการทำงานของระบบประสาท ของผู้บริโภค

การใช้เทคนิค จิตวิเคราะห์ (Phychonalysis Techniques) เช่น fMRI หรือเทคนิคอื่นๆ เช่นการ Tracking สายตา และการวัดอื่นๆ ที่กล่าวมาข้างต้นบทความนั้น ได้เรียกขานว่า เป็นการใช้ ZMET หรือ สมองจะได้รับการจดบันทึกตัวแปร เมื่อ ผู้บริโภค ได้ลองมองดูโฆษณา ในทีวี (สมัยก่อน) และ การวิจัยดังกล่าว ได้ถูกใช้เป็น เครื่องมือทางการตลาด มาระยะหนึ่ง

ส่วนคำที่ว่า “Neuromarketing” นั่นได้ถูกเริ่มใช้ในปี 2002 จากการตีพิมพิ์ ออกสู่สาธารณะครั้งแรก โดย ธุรกิจด้านการตลาด ที่อยู่ใน Atlanta และต่อมา มีการกล่าวอ้างถึง Nervous system functioning แล้วต่อมา การวิจัยนี้ ดันมี Conflict of Interest กับทาง มหาลัย Emory University แต่ตอนนี้ ธุรกิจนี้ ก็ยังคงมีลูกค้าราวๆ 500 ราย โดยพยายามหา วิธีการที่มีประสิทธิผล ทางการใช้ Neuromarketing ตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา

 

ผมได้ลองเข้าไปค้นคว้า แล้วอังเอิญเจอบทความ จากนัก พัฒนา Conversion สาย Psychology (สายที่ผมชอบไปหาอ่านบ่อยๆ)
คุณ Jeremy Smith – คนนี้ เบื้องลึกเบื้องหลัง ผมไม่รู้หรอกครับว่าเขาเป็นอย่างไร ผมจึงนำเสนอในเชิง Fact โดยไม่ตัดสิน จากบทความนี้ และ ข้อมูลต่างๆ ทั้งหมด ที่ผมนำมาลงในบทความฉบับนี้
jeremy-smith-conversion-optimization

 

ทัศนะ แนวคิด จาก Search Monopoly

• เท่าที่อ่าน และ research มาพอสมควร เราพบว่า Neuromarketing ยังไม่เป็นที่ ยอมรับว่า เป็น Science แต่มีแนวโน้มในระดับความเชื่อ
• ประโยชน์ ของการนำ Neuromarketing มาใช้ เพื่อ ทำให้คนสนใจ Ads มาขึ้น แต่ไม่ได้ มีข้อพิสูนจ์ทาง วิทยาศาสตร์ ว่ามันสามารถเพิ่มยอดขาย โดยใช้การอธิบาย ตามหลัก Logic ทางวิทย์ศาสตร์ ว่ามีตัวแปรต่างๆ อย่างไร
• ถามว่า เพิ่ม Conversion ได้จริงไหม ? — Search monopoly ยังไม่มีบทพิสูจน์ เชิงประจักษ์ ว่ามีการสร้างยอดขายที่ดีขึ้น หรือ conversion ดีขึ้น โดยถาวร เมื่อนำหลักคิดของ Neuromarketing มาใช้
• ถามว่า ไปเรียน Neuromarketing แล้วคุ้มไหม ? – ทัศนะของ Search Monopoly พบว่า มันไม่ต่างกับการปรับ UX แบบ Basic เลย อย่างที่เขาใช้ Bias ล้วนๆ ใช้กัน และเราคิดว่า ไม่มีความคุ้มค่าใดๆ ในการไปเรียนรู้มันมาก เพราะ มักเจอคอร์สราคาหลายหมื่น เกินความจำเป็น
• ถามว่า เรียนรู้แบบ รู้ไว้ใช่ว่า จะมีประโยชน์ไหม? – ผมคิดว่าเอาเวลาไปศึกษา พวก Lean UX จริงจัง แล้ว ศึกษา engagement ให้ดีกว่า จะไปได้เร็วกว่า Neuromarketing เสมือนคำประดิษฐ์ ที่ไม่มีบทสรุป การันตีใดๆ จากทางสำนักวิทยาศาสตร์ หรือ สถาบัน Online Marketing ระดับกว้าง
• Neuromarketing ยังอยู่ในขั้นตอน Research สิ่งที่ Internet Coaching นำมาขายส่วนใหญ่ เป็น Topic การวาง Object ให้คนสนใจมากขึ้น ซึ่งไม่ได้นำความรู้ หรือ Insight ของการ research มาสอน
• สุดท้าย Search Monopoly อยากให้ มองกลัวมาที่ Basic – UX พื้นๆ จิตวิทยา การตลาด พื้นๆ ที่เคยสอนในระบบ The War Room. ครับ
• ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมได้ส่งจดหมายเวียนไปยังหน่วยงานราขการ ทหาร ตำรวจ กองปราบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กลุ่มปราบปรามอาชญากรรมทางอินเตอร์เน็ต และ สมาคม ติดตาม Pseudoscience และ กลุ่มอาจารย์ ด้านวิทยาศาสตร์ และ ผู้ที่ช่วยเหลือได้ในยามคับขับในห้อง หว้ากอ (Pantip) ไว้เรียบร้อยแล้ว เผื่อมีประเด็นดราม่าเกิดขึ้นในอนาคตครับ 😀

เทคนิคการพัฒนาแคมเปญ AdWords – Optimal CPC solution

การพัฒนา SEM campaign ไม่ใช่เรื่องของ การตลาดออนไลน์ โดยตรง แต่สิ่งที่ผมได้สอนในระบบ “The War Room” ให้ผู้ประกอบการ SME ได้เรียนรู้ที่ผ่านมา คือการ ปรับเปลี่ยน แคมเปญ ให้เป็นการวิเคราะห์ แบบเชิงเทคนิคมากขึ้น

ประเด็น ที่เรากำลังขบคิด โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนายอดขาย และการทำ Effective Ads นั้น มาจากการค้นหา DATA และนำมันมา Filter ได้อย่างเหมาะสม
การปรับ Bid Strategy และการกำหนด Keyword Match Type ใหม่ๆ โดยใส่ Dimension ของ Context ต่างๆ เพื่อแยก Ad Groups และ แยกแคมเปญ โดยทำการหา Optimal Price เพื่อวัดหา Scale ของ conversion ที่เป็นไปได้ โดยนำมาผูกกับ testing Campaign ของกลุ่ม PPC สำหรับ test usage ใน site ของเรา ซึ่งระบบ The War Room มีความเชี่ยวชาญในการค้นหาช่วงเวลาที่เราได้เปรียบ และสร้างโอกาสของ Conversion ที่ดีกว่า

พูดง่ายๆ เราไม่ได้หว่าน Ad มั่วๆ แต่เราทำให้ได้เปรียบคู่แข่ง

มันมีหลายจังหวะที่ Ad เรียกได้ว่า ทำงานแบบไม่เป็นระเบียบ จังหวะสำคัญที่เราจับได้ เป็น Signal ในการเองชนะคู่แข่ง คือการซอยย่อยละเอียดของ Ad Group และ filtering หา Landing Page ที่มีก้อนเนื้อส่วนประกอบของ HTML ในสัดส่วนที่เหมาะสม อันนี้ เราใช้เวลากันเป็นเดือนๆ มากกว่า 90 วัน เพื่อหาส่วนผสมของ HTML เพื่อให้ได้ Usability และ Ad Rank ที่เหนือกว่า

เรา test 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่กว้านซื้อ keywords และอีกกลุ่ม กลุ่มที่เน้น การ bid แบบ ซอยย่อย

optimal graph CPC - adwords campaign the war room

หากเราได้ลองพิจารณา อย่างถี่ถ้วน เราจะพบว่า การทำโฆษณา ให้ขายของได้นั้น มาจากการสร้างเหตุผลของการซื้อและการขาย โดยใช้ กลุ่มของ คำค้น และ ดูเหมือนว่า Google AdWords เอง เข้ามาจับความเป็น Dynamic ของ Anchor Text ในระดับ Site Category และ ความถูกต้องของ site str. ด้วย

ในปีนี้ เราไม่ได้ใส่ META Keyword แม้แต่น้อย ดูเหมือนว่า Google AdWords ใช้ Algorithm ที่เป็น ปัจจัยภายนอกมาคำนวณมากกว่าเรื่องของ Quality ภายใน ที่เรามักโดนใส่ความเชื่อผิดๆกันมาตลอด.

 

การทำ Rank ที่ดี นั่นหมายถึงว่า Page Quality ต้อง เต็ม 10 เป็นอย่างน้อย

เอาเป็นว่า ผมขอย้ำอีกทีครับ การทำ AdWords เราต้องพัฒนา Page Quality ที่ได้ 10/10 โดยไม่ต้องสงสัย

อีกประเด็นต่อมา การทำ Conversion แม้มีปัจจัยเรื่องการเขียน Offer ที่สัมพันธ์กับตัว Ads Header อยู่บ้าง แต่สิ่งที่เรามองเห็น ได้ชัดคือเรื่องของการ Optimize Keyword แบบสม่ำเสมอ ไม่ได้ปล่อยทิ้งไว้นานๆ แบบที่เคยทำได้มาก่อน

 

อันนี้ ต้องใช้ technique พิเศษ ที่เรียกว่า “Dynamic Filtering” แนะนำลองไปหาเช่า Tool ของเมืองนอกดู ของดีๆ ราวๆ ไม่กี่หมื่นบาทต่อเดือนครับ

มันฉลาดกว่า CPA Bid ของ Google ด้วยซ้ำในบางจังหวะ แต่สำหรับ Keyword Search Term ภาษาไทย คิดว่า ไม่มี Tool ต่างประเทศที่ไหนที่สามารถให้เราได้อย่างเต็มประสิทธิภาพครับ และคิดว่าไม่มีทางที่จะทำได้เร็วๆนี้ หรือในอีก 15 ปี

 

สิ่งที่ Search Monopoly ใช้ คือใช้ความเก่าเกมส์ ที่เคยไปลับคมสมัยทำ bidding ให้กับ booking และ ศึกษา Intelligent process ของ E-commerce เจ้าใหญ่ แบบว่าต้องไปแอบส่องแบบอ้อมๆ ทำให้พอเข้าใจแนวคิดว่า ฝรั่งมันคิดอย่างไร

 

ไปๆมาๆ พบว่า เทคนิคมันล้ำเกินครับ แต่ทางผมได้นำ solution ที่ใช้ง่ายๆ และได้เอาแนวคิดกลยุทธ์แบบนั้นมาใช้ในระบบ The War Room

สุดท้าย เครื่องมือทุ่นแรง คือการใช้ Excel แบบมืออาชีพ ก็คือ Manual ให้มันส์มือ ในแบบที่ผมถนัดอยู่แล้ว ผูกสูตรกันสะใจไปเลย

 

สู้ไม่ได้ ก็หลบหมัด Hook แล้วก็ย้อนหมัด Hook คือ กลยุทธ์เด็ดๆ

 

อย่านึกนะครับว่าสมัยนี้ แค่ Bid PPC แล้วจะได้ยอดขาย — ความสนุกคือความถึกแบบ ซดกันหมัดต่อหมัด ใครชำนาญกว่าก็ได้กินยอดขาย

ใครมั่วก็อดกิน แถมเสียเงินมากกว่าชาวบ้าน 14 – 70 เท่า ทำให้โดนกด CPL ไปรัวๆ จนเลือดกระฉูด

บางคน ทำแคมเปญ ยังไม่ได้ยอดซื้อเลย เพราะ ไม่เข้าใจ Flow ในการใช้งานของสมัยนี้ และ ไม่คิดจะเรียนรู้และต่อเติมให้มันดีขึ้นไป ในสิ่งที่สมควรทำ

เอาเวลาไปเสียกับการทำ Re-Marketing ทั้งๆ ที่ผู้ซื้อถูกยัดเยียดให้ดู Ads อะไรแบบนั้น

แนวคิดแบบนี้ มันจะเริ่มหมดไป และ นักธุรกิจ เริ่มเรียนรู้ จังหวะ Hook ที่ผมนำเสนอไปใน E-Mail Marketing ที่ส่งไปเดือนที่แล้วเป็น Data Summary ไปกว่า 50,000 ฉบับ

 

แม้ E-mail Conversion จะน้อย เพียงแค่ 0.5% แบบคาดหวัง แต่กรปิดแบบ B2B และได้ user retention และ เกิด trust ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ Search Monopoly สามารถต่อลมหายใจได้อย่างยืดยาวอีกนาน.

 

เราเห็นบางสำนัก มี ad เข้ามาโชว์หรา แต่ดักได้แต่ เหยื่อ และ มือใหม่ เราเองพบว่า Offer บางอย่าง ไม่สามารถขายได้โดยตรงโดยใช้ PPC

แล้วจะทำอย่างไรต่อ ?? 

เทคนิคลับๆ คือการทำ Hybrid. – เราเน้น User Retention และแชรืเทคนิคบ่อยๆ ทำให้แยบยลเพื่อคัดกรอง กลุ่มเป้าหมายที่ใช้

คนอ่าน ที่พอมีพื้น และมีประสบการณ์ การดำเนินงาน หรือ ลองจัดแคมเปญมาแล้ว จะมีบาดแผลลึกที่เขาเองก็เจอ Pain point ในแบบที่ Search monopoly ได้กล่าวถึงอยู่บ่อยๆ

ตราบใดที่ Agency ได้ป้อนแผลเจ็บบาดลึกให้กับลูกค้า ใหญ่ๆ

นั่นคือ โอกาสธุรกิจของ Search Monopoly ทั้งนั้น

Class The War Room Lecture #29 – 15 July 2017

สวัสดีครับ สมาชิก The War Room
Class The War Room (Lecture ที่ 29) ประจำวันที่ 15 July 2017
เข้าสู่ สัปดาห์ที่ 29 แล้ว สำหรับ ระบบ The War Room คอร์ส อบรมการทำ การตลาดออนไลน์ Google AdWords หรือ PPC ที่ทุกคน สนใจศึกษา
Search Monopoly สร้าง กิจกรรม Class Room นี้ขึ้นฟรี สำหรับสร้าง เครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ เราพยายามช่วยเหลือ ผู้ประกอบการ SME ให้เรียนรู้ หลักการทำ Google AdWords อย่างมืออาชีพ ไม่ใช่เพียงแต่ เรียนทำ AdWords แบบ งูๆปลาๆ หรือมาสอน ทำการ Set Up Campaign อย่างเดียวครับ

เนื้อหา ของระบบ The War Room จะเข้มข้นมากๆ โดย Base จากการพัฒนา เว็บไซต์ โดยใช้ Platform ของ WordPress เป็นหลัก
เราเลือก WordPress มาทำ เพื่อการ Custom Page ได้ง่าย และทำให้เว็บ ติดอันดับได้ดี และรวดเร็ว อีกทั้ง ประหยัดต้นทุนได้มากๆ

เรื่องรายละเอียดเพิ่มเติม ท่านโปรดเข้าไปดู หลักการ ของ Class ระบบ The War Room ของ Search Monopoly ครับ

เล่าเรื่อง ว่า วันนี้ ไปดูแลเว็บ ให้ลูกค้า รายหนึ่ง ที่ใช้ WordPress เหมือนกัน และมีการทำอันดับที่ดีเยี่ยม เว็บไซต์ มีการเติบโตที่สูงมาก (มีการทำ SEO และ พัฒนา การเติบโต ของ Organic Traffic เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง)

ตอนนี้ เจอโจทย์ ที่น่าเรียนรู้ใหม่ คือเรื่องของการพัฒนา Sale Funnel ซึ่งจะวิเคราะห์มาจาก Google Analytics
จากการทำ PPC Campaign ของ ลูกค้ารายนี้ เราพบว่า ยังมีปัญหาติดขัดในเรื่องของการปิดการขาย ผ่านทางบัตรเครดิต ซึ่งบอกได้เลยว่าเป็นปัญหา ที่แก้ไขยาก เนื่องเพราะ ระบบ WooCommerce นั้นไม่ค่อย ตอบสนองการซื้อสินค้าของคนไทย ได้อย่างราบรื่น นั่นคืออีกหนึ่งตัวอย่าง ที่เราต้องให้ความสำคัญในการ Monitor และ วิเคราะห์ปัญหา ที่ฝังอยู่ในระบบ ที่ซ่อนอยู่ เรื่องของ การขายของออนไลน์ ไม่ใช่ เพียงแค่การคิดรังหาแต่เรื่อง โฆษณา และ การตลาดเท่านั้น แต่เรื่อง การพัฒนาเว็บ ก็เป็นเรื่อง ที่ผู้ประกอบการ ต้องเอาใจใส่ และพัฒนามันอย่างต่อเนื่องครับ

ลองถามพวก SME เอง พวกเขาก็ไม่ค่อยรู้นะว่าทำไม ยอดขายทาง ออนไลน์ มันจึงหายๆ ไป เรามักจะโทษว่า เศรษฐกิจไม่ดี ซบเซา — อันที่จริงแล้ว เรามัวแต่โทษแต่ปัจจัยภายนอก และไม่ได้มองให้เห็นปัญหาที่เกิดจากปัจจัยภายใน

เรามองหาไม่เป็นเองแหละครับ ว่าปัญหาจากปัจจัยภายใน เกิดขึ้นที่ตรงไหน ?? ทำไมการใช้งานของ User ไม่ดีบ้าง ? ไม่ดีที่ไหน ? พวกเรามักหาคำตอบไม่เจอ และไม่รู้จะพัฒนาธุรกิจทาง ช่องทาง ออนไลน์อย่างไร

ทีนี้ ระบบ The War Room ก็จะนำเรื่องนี้มาสอนเช่นกัน

The War Room สอนจากการทำงานจริง จากประสบการณ์ การทำเว็บจริงๆ ไม่ได้มา กีอปจากใน เน็ตครับ
เรามักเห็น หนังสือตามร้านหนังสือ ที่พวก No Name เขียน ซึ่งส่วนใหญ่ มีแต่พวกที่ ขายแนวคิด
การขายแนวคิดมันง่ายนิดเดียวครับ แค่ ก๊อปเนื้อหา มา Re-Write ใหม่ ลงในหน้าแผ่นกระดาษ A-4 และส่งสำนักพิมพิ์ แต่ความรู้เหล่านี้ ไม่ได้ แก้ไขปัญหา สำหรับธุรกิจของท่านได้ดีเลย หากไม่มีประสบการณ์ การทำการตลาดออนไลน์ และไม่ได้ อดหลับอดนอน เพื่อลองนู่น ลองนี่จริงจัง ท่านก็แทบไม่ได้อะไรเลย และเสียเวลาไปเรื่อยๆ อย่างเปล่าประโยชน์

แนะนำให้เข้ามาเรียนรู้ อย่างถ่องแท้ ที่ระบบ The War Room
Online Marketing ใช้เวลาปั้นนานมาก กว่าที่เราจะได้ แต่ละ Flow ที่ใช้ประโยชน์ได้จริง .

จาก Class Room ในคราวที่แล้ว : Class #28 – เตรียมการสอบ โฆษณา Search เพื่อใบ Certificate อันนี้ ผมต้องยอมรับว่า เวลากระชั้นและยังทำได้ไม่สมบูรณ์นัก แต่จะตั้งใจทำเฉลยข้อสอบ พร้อมการคิดวิเคราะห์ เนื้อหาของข้อสอบไปด้วยครับ SME ที่มาเรียนกับผม จะได้ใน Google Certificate ด้วยครับ รับรองว่า เก่งกว่าพวกรับทำ AdWords จากพวก เอเย่นเป็นไหนๆ แล้วทำให้ผู้ประกอบการ สามารถเลือกใช้งาน Google AdWords Agency ที่มีคุณภาพได้ในอนาคต คุณจะรู้เท่าทันพวกเขามากขึ้นครับ หรือจะได้ด้วยตนเองก็ยังได้ สำหรับกิจการ ที่ดูแลแบบเล็กๆ มีความคล่องตัวสูง ก็ไม่จำเป็นต้องไปจ้างใครทำ Google AdWords เลยครับ ทำเอง ได้ง่าย และ ไวกว่า เพียงแต่ คุณต้องมาเรียน ในระบบ The War Room กันนะครับ

 

สำหรับ The War Room คลาส ที่จะถึงนี้ ผมจะ แจ้งให้ทราบว่า เราจะกลับมาที่ประเด็นการทำ Landing Page จาก Class บทเรียนแรกเลย อันนี้ จะมาลงลึก Detail เชิงลึกแล้วครับ และเน้น UX (User Experience) และการวาง Flow เป้นสำคัญ การทำ Landing Page อย่างไร จึงจะปิดการขาย

 

พร้อมทั้งวิเคราะห์ แผนการดำเนินงาน ต่อๆไป เพื่อให้ได้ Rate ของการทำยอดขายที่ดีขึ้น หรือเราเรียกว่า Conversion Optimization ซึ่งเป็นงานหลักๆที่ผมถนัดยิ่งนักครับ

(1) – เฉลย Dustin Wants to write a Great Text ad – ทำอย่างไรให้ได้ Clicks มากที่สุด

1 Dustin Wants to write a Great Text ad That will Get people’s attention when they are searching on Google. What Should he do to generate the Most Clicks ?

 

(A) Include his Keywords in the Ad Text
(B) Put the Ad Headline in All Capital Letters
(C) Put Special Characters in the ad Headline
(D) Include his Business Address in the ad Text

แนะนำเข้าไปอ่าน ที่ Google Help:
Create Effective Text Ads: Google Best Practices

check_mark_colors

นักการตลาดที่ประสบความสำเร็จ : จะต้องส่งข้อความ ที่ตรงกับความต้องการ ในช่วงเวลาที่ถูกต้อง และการใช้ ความคิดสร้างสรรค์ สร้าง โฆษณา ที่เกี่ยวข้องกับความต้องการของลูกค้าได้มากกว่า เราจะได้ Clicks ที่มีคุณภาพมากกว่าคู่แข่ง

สรุปคร่าวๆ สำหรับข้อนี้ หลังจากที่อ่านในบทความมาแล้วนะครับ

  1. เขียนถึง ประโยชน์ ของผู้ใช้ ที่เขาจะได้ (Needs)
  2.  เขียนให้มี Keywords ที่เขาค้นหาเข้ามา (Search)
  3.  ให้ใช้คำเฉพาะ เจาะจง ที่ดีกว่า
  4.  ใช้คำที่เป็นคำตอบสำหรับการค้นหาของผู้ใช้งาน อย่าไปสร้างคำถาม

ตัวอย่าง โฆษณา Text Ad

เห็นไหมว่า เขาใส่ ประโยชน์ และน่าสนใจ ในเรื่องของ “Responsive Service” นอกนั้น เหมือนกันหมดเลย

 

Focus on your headlines – พยายามใส่ใจใน Headline บนสุด !

อันนี้ ตัวเพิ่มค่า CTR อย่างเห็นได้ชัดเลยครับ แล้วมันจะนำพาให้ ผู้ค้นหาใน Google ยิ่งสนใจ อ่านข้อความของ Google AdWords และ Click Ad ของเรา อย่างเน้นๆ แน่นอนครับ

เริ่มต้น การปรับ Web Layout ให้มี Conversion ที่ดี

ช่วงนี้ พัฒนางานสอน ระบบ “The War Room” โดยเราได้เน้น การพัฒนาหน้า Layout ของเว็บไซต์ ธุรกิจของเราให้เหมาะสมกับการทำธุรกิจ และ องค์ประกอบ ของหน้า Page Layout โดยเฉพาะ หน้าทำ Sale หรือการปิดการขาย

ผู้ประกอบการ SME ส่วนใหญ่ ยังไม่เข้าใจการทำ User Journey ทำให้ เกิดอัตตรา Conversion ที่แย่มากๆ เมื่อเที่ยบกับ Website ที่มี Professional Team ค่อยดูแล และวิเคราะห์ ให้อยู่เสมอ

แต่ตอนนี้ คุณก็มี ระบบ “The War Room” ที่มีการอบรม เรื่องของการออกแบบ UX ให้ดียิ่งขึ้น เข้าใจ Logic ของการวางเนื้อหา ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยของเรานั้น มุ่งเน้นการพัฒนา โดยอ้างอิงกับผล Research ที่มาจาก Outcomes จากการทดลอง ในเว็บของเราจริงๆ ไม่มา โม้ มา มโนเอาหลักการ เรื่อยเปื่อย ที่ไป Copy Idea มาจากเว็บชาวบ้าน

คุณรู้ไหม ว่าการพัฒนา คุณภาพ ของเว็บไซต์ของเรานั้น เราต้อง ทดสอบ ด้วยตนเอง
และเราเน้นย้ำยิ่งกว่าการทำ โฆษณา ออนไลน์ หรือการสอนงาน Google AdWords ทั่วๆไป แต่เรามุ่งเน้นพัฒนา ให้เกิดงานที่เป็นรูปธรรม และ ผู้เรียนจะได้ รายละเอียดเชิงลึกที่ได้เปรียบกว่าคู่แข่งครับ

 

แนะนำ Class ที่ผ่านมา

การพัฒนาเนื้อหา Web จาก Class Lecture #20
บทเรียน The War Room – Outline และเนื้อหา เสาร์ 9 Apr 2017

UPDATE – บทเรียน The War Room – Outline และเนื้อหา เสาร์นี้

2017-05-26
ช่วงนี้ Search Monopoly ไม่ค่อยได้ติดต่อผู้เรียนเก่าๆ และ ท่านผู้ประกอบการ SME หน้าใหม่ๆ

ทาง Search Monopoly ได้ทำการพัฒนาเนื้อหาเชิงลึก และ จัดทำบทวิเคราะห์ สำหรับการพัฒนาหน้า Layout ที่ผ่านกระบวนการคิดจากประสบการณ์ตรง พร้อมแผน Operation งาน โดยเรามุ่งเน้นงานพัฒนาทางด้าน UX, User Experience และการทำ User Journey ที่ดีมากขึ้น ในอนาคต เรากำลัง พัฒนาต่อยอด เนื้อหาคุณภาพ ลงบนเว็บ และจัดวาง User Journey และ ทำ Flow ที่ดีขึ้น

สิ่งที่กำลังจะสอนในช่วงนี้ ได้แก่ หลักการออกแบบ Layout ที่ได้ Outcomes จากประสบการณ์ตรง โดยใช้งาน Google Analytics Tool เป็นสำคัญ Class นี้และ อีก 5-6 Class ข้างหน้า ที่เริ่มเข้าสู่กระบวนการคิดที่สำคัญ หลังจากที่กล่าวถึง Concept ไปหลายๆรอบแล้ว ซึ่งอาจจะช้าไปบ้าง

สำหรับท่านที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ไม่ต้องกังวลครับ Class Room “The War Room” จะเป็น บทเรียนที่เริ่มเรียนจากบทใดก่อนก็ได้ เพราะเป็นการถ่ายทอดเชิงกระสบการณ์ สามารถเรียนรู้แล้วนำไปใช้งานได้จริงครับ

ตอนนี้ จะมีเนื้อหา ยากๆ ที่เกี่ยวกับ Technical SEO เข้ามาบ้างแล้ว

  • เช่นการวาง site structure.
  • การพัฒนา site map
  • การพัฒนา Web Function sitemap / Business Sitemap

ซึ่งความเป็นจริงแล้ว เราต้องพัฒนา Business Development Documents ไปด้วย

โดยทางผม คิดว่า กระบวนการเรียน The War Room จะแยกบทเรียนเชิงลึก เรื่อง การทำ Business Developments ออกจากกัน โดยจะตั้งชื่อ Class ว่า “The Pyramid” ครับ เป็น Part การทำ SEO + การทำพันธมิตรทางธุรกิจ และการผูกขาดทางการตลาดออนไลน์ โดยทำให้ติดอันดับ Google Search Engine แบบไม่ต้อง ใช้มืออาชีพ ไม่ต้องปั่น Backlink จำนวนมากๆอีกต่อไป และไม่ต้องพึ่งพา PBN หรือแม้แต่ไปปั๊ม Spam Backlinks ครับ

คลาส “The Pyramid” จะเป็น Class เรียน ที่มุ่งเน้นการสอน การทำ SEO ให้ติดอันดับ บน Google แบบชำนาน และเก่งกว่า ไปจ้างคนอื่นทำ เพราะ Class “The Pyramid” จะเน้นระดมพลออกมาสร้าง เครือข่ายของการพัฒนา การตลาดออนไลน์ร่วมกันอย่างเป็นระบบ ทำให้ ทุ่นงบประมาณ และมีอำนาจการแข่งขันที่สูงกว่า อย่างไร้ขีดจำกัด


จากแผนพัฒนาการเติบโตของเว็บ ที่ผ่านการทดลองในเว็บไซต์ของผมเอง

จากที่เคย เก็งแผนการล่วงหน้าแล้วว่าจะพลิกเกมส์ การวางแผนให้ User , Visitor ผู้ใช้งาน เปลี่ยนจาก ช่องทาง Push หรือพวกการลงโฆษณา ต่างๆ ในช่วง 6 เดือนแรก ให้กลายมาเป็นแผน Pull หรือเน้นการใช้งานผ่านทาง Organic Traffic ซึ่งเป็นแผนแม่บทของกลยุทธ์การทำระบบ The War Room

 

ช่วงปีที่ผ่านมา เราได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี อีกทั้ง งานการสอน แนวทางข้อสอบ AdWords Fundamental ได้ผ่านพ้นไปด้วยดี แม้ยังทำเฉลยไม่เสร็จ แต่อยากให้ผู้ประกอบการ SME เล้งเห็นความสำคัญและฝึกการทำข้อสอบด้วยตนเองก่อน ทาง Search Monopoly กำลัง ทยอย ทำเนื้อหา และแนวทางการเฉลยข้อสอบ Google AdWords ให้ครบถ้วนในเร็ววัน

 

ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ประกอบการ SME บางส่วนมีความก้าวหน้าไปมาก เนื่องจากความเอาใจใส่ และ เกิดกระบวนการคิดแล้วสร้างงานผลิตได้เป็นแบบทีม มีการจัดวางแผนการพัฒนาเว็บ เต็มรูปแบบ และวางหมากการทำเนื้อหา อย่างดี ทำให้งานราบรื่น

 

มีผู้มาเรียนบางท่าน ได้เลิกใช้งาน AdWords Agency ไปแล้วหลายราย และเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง เกิดความเข้าใจในการทำ Operation ทาง Online Channel อย่างเป็นรูปธรรม — ด้วยความกล้า กล้าลองผิดลองถูก ไม่ต้องการความ Perfect 100% และปราศจากความกลัว จึงทำให้ บางท่าน สามารถ ลดต้นทุนจาก 15 บาท ในช่วง 7 วันแรก ลดลงมาเหลือ 8 บาท ในช่วงถัดมา แล้ว ลงมาถึง 5 บาท และ 2 บาท ตามลำดับ

 

กลายเป็นว่า มีงบประมาณ ที่ได้เปรียบกว่าคู่แข่งถึง 80 เท่าตัว และงานเดินได้เต็มที่

 

ซึ่งผมขอ อธิบายเปรียบเทียบ กับเว้บที่ไม่ได้เรียนรู้ เป็นกรณีศึกษา และ ตามมาด้วย ผลการทดลอง เรื่องการเปลี่ยน ช่องทางการใช้งาน โดยใช้ ตัวอย่างของเว็บ Search Monopoly ให้เห็นจริง เนื้อจริง จาก Process ไม่มีการปิดบังใดๆ ซึ่งทำให้ผู้เรียนรู้ สามารถติดตามผลงานและสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เสมือนทำด้วยตนเอง และเข้าใจมากยิ่งขึ้น

 

ตัวอย่างแรก ของเว็บที่ล้มเหลว !!

 

เว็บที่ล้มเหลว ที่ผมแสดง ขอปกปิดชื่อโดเมน เพื่อประสงค์เพียงแค่ให้เข้าใจ ในกรณีศึกษาเป็นความรู้เท่านั้น ไม่นำมาเปิดเผยให้รู้สึกไม่ดี แต่อย่างใด

หากท่านผู้ประกอบการ ยังไม่ตระหนักถึง ข้อมูลลับๆ หรือสิ่งที่ซ่อนอยู่ ที่คุณมองข้าม คุณก็จะเกิดปัญหาทางธุรกิจแบบเว็บธุรกิจที่ผมนำมาแสดงให้ดู ณ ที่นี้ครับ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เฉลยข้อสอบ Google AdWords Search Network – Which statement is true?

ลองมาตรวจสอบกัน ว่า Call-only ads และ Call extensions ทำงานอย่างไร และ แตกต่างกันอย่างไร

โจทย์ : Which statement is true?


ข้อใดต่อไปนี้ ถูกต้อง ?

Call-only ads สามารถทำได้แค่ ให้ผู้ใช้งาน สามารถโทรหา เบอร์ กิจการของคุณได้เท่านั้น จริงไหม ?

Call-only ads มีให้ใช้ได้แค่เพียงใน โฆษณาแบบ Display Network เท่านั้นหรอ ?

Call extensions จะส่งผู้เข้าชม เข้าไปสู่ Landing Page ด้วย เบอร์โทร

โฆษณาที่มี Call extensions จะให้เพียงแค่คนเข้ามาชม สามารถโทรหา ธุรกิจของคุณได้อย่างเดียว ?

 

ลองมาตรวจสอบกัน ว่า Call-only ads และ Call extensions ทำงานอย่างไร และ แตกต่างกันอย่างไร

 

ลองไปอ่าน บทความ Study guide ของ AdWords ผมก็พบว่า Ad Extension นี้มันจะขึ้น ก็ต่อเมือ มันมีค่าคะแนน Ad Rank ที่สูงพอสมควรแล้ว

การจะทำ AdRank ให้สูง มันเป็นค่าประเมินที่บ่งชี้ว่า Ad โฆษณา นั้นสัมพันธ์กับ เนื้อหา ในหน้าเว็บของคุณด้วย มันจึงจะขึ้น

และต้องพัฒนาปรับปรุง Landing Page เพื่อให้ คะแนนเหนือกว่าคู่แข่ง ซึ่งทางผมเองก็นิยม ทำให้ได้ คะแนน 10 เต็ม 10

ไปเจอข้อมูลนี้มา ในบทความนี้ครับ “How ad extensions work” ในบทความ เขียนไว้ว่า

you may need to increase your bid or your ad quality (or both)

นั่นหมายถึง ทำทั้งสองอย่างครับ

  • เพิ่มค่า Page Quality Score ใน Landing Page
  • เพิ่มค่าประมูล Keywords ที่เราใส่เข้าไป

แล้วก็เข้ามาดูที่ บทความนี้ครับ “Types of ad extensions

ประเภทของ ad extension จะมีอยู่ 6 ชนิดด้วยกันครับ
1. “App extensions”
2. “Call extensions” –> ซึ่งในข้อสอบนี้ จะถามถึง “Call Extensions” ว่าทำอะไรได้บ้าง เดี๋ยวเรามาจับผิดกันครับ
3. “Location extensions”

4. “Review extensions”
5. “Sitelink extensions”
6. “Callout extensions

และก็บทความนี้ครับ “About call extensions

พอเข้าไปอ่านเนื้อหา เกี่ยวกับ Call Extension เราจะพบว่า มันจะมีปุ่ม (Button) สำหรับการ call ให้ครับ ดังภาพด้านล่างนี้

call-extension-with-call-button

ซึ่งใน Call Extension เราจะเห็น feature ตัวนี้ ใน Mobile Device สำหรับคนที่เข้ามาค้นหาแล้วเจอ Ad โฆษณา ของเราครับ

call-extension-feature

let you add phone numbers to your ads,

โดยโฆษณาของเราสามารถใส่ เบอร์โทรเข้าไปใน Ad ได้เลย การ setup ทำได้ไม่ยาก

ทาง Google ให้ตัวเลขว่า สามารถเพิ่ม CTR ได้มากถึง 4-5% เลยนะครับ อันนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการเขียน Ad ของเราด้วย
คนเข้าชมเวลาค้นหาใน Google สามารถเห็นปุ่มตัวนี้ของเราได้ด้วย สามารถ โทรหาธุรกิจของเราได้โดยตรง นั่นหมายถึง ยิ่งทำให้เกิด customer engagement คือการตัดสินใจว่าจะโทรหา และเราอาจได้ Lead เข้ามาปิดการขายได้อีกด้วย เป็นการลงทุน ที่สมเหตุสมผลครับ โดยเหมาะกับธุรกิจสำหรับการแก้ปัญหาเร่งด่วนเป็นอย่างมาก เช่นการ สั่งพิซซ่า เมื่อเวลาเราหิวครับ
คุณเอง สามารถเพิ่ม Feature นี้โดยเข้าไปดูใน Google ได้ครับ เกี่ยวกับการ set up “Call Extension” > https://support.google.com/adwords/answer/7159346

setup-ad-extension-001
วิธีการสร้าง Ad Extension ก็ลองเข้าไปใน Campaign หรือ Ad Group ดูครับ แล้วเข้าไปดูที่ Tab – Ad Extension ครับ

setup-ad-extension-002

ภาพนี้ พอเลือก view extension เราจะเห็นครับ ทางของ Search Monopoly ได้ทำการ ติดตั้ง Call Extension ไว้เรียบร้อยแล้ว

และมันก็ได้ผลจริงๆ สำหรับ งานด้านการแก้ไข ช่วยเหลือปัญหา ทำ service หรือ ให้ solution ทาง Business นะครับ

ซึ่ง CTR ได้มาแบบ ชิวๆ โดยไม่เสียเงินค่าโฆษณา เยอะเลย ได้มา 4.76% แหนะ

 

ลองไปสืบข่าวมา พบว่า เราสามารถตัด Choice ที่ไม่ถูกต้องออกไปได้ 2 อันเลยครับ ตามหลักฐานที่พบในนี้ครับ

setup-ad-extension-003

หมายถึง user ที่ชมโฆษณา ของเรา สามารถเลือก Click เข้าไปดูเว็บไซต์ ไปที่ Landing Page ได้ หรือ ทำการ กดปุ่ม เพื่อโทรหาเราครับ

ผมแนะนำว่า ใครโสด ลอง มาทำ โฆษณา ของตนเองได้ครับ “ฉันโสด – สวย มีเสน่ห์” พร้อมใส่ Call Extension ไปในตัวครับ ด้วยเบอร์ Smart Phone ของเรานี่แหละ แล้วก็ลง Bid ราคาสูงๆไปเลย ใครใกล้ 30 แล้ว ก็ใส่ไปเลยครับ คลิ๊กละ 100 บาท หรือทำ CPA ไปด้วยในตัวได้เลย ห้าๆๆๆๆ (หัวเราะ)

 

เข้าเรื่องจริงจัง ผมสามารถตัด Choice ที่ไม่ใช่คือ

ต่อไป ก็มาโฟกัสที่ Call Only Ad ครับ ที่เราต้องศึกษา จะต้องวิเคราะห์ว่า choice ไหนถูกต้องกันแน่

 

ระหว่าง

Call-only ads สามารถทำได้แค่ ให้ผู้ใช้งาน สามารถโทรหา เบอร์ กิจการของคุณได้เท่านั้น จริงไหม ?

Call-only ads มีให้ใช้ได้แค่เพียงใน โฆษณาแบบ Display Network เท่านั้นหรอ ?

 

คุณคิดว่า อันไหนถูกครับ ?

เฉลยอยู่ในนี้ครับ

Call-Only Ads ชื่อมันบอกอยู่แล้ว ว่า โทรเท่านั้น ต่างจาก Call Extension คือ จะโทร หรือจะคลิ๊ก ก็เรื่องของคุณ

แบบนี้ เน้นโทรหาตรงตัวเลย และใน บทความนี้ครับ > https://support.google.com/adwords/answer/6341403 (About call-only ads)

เขาก็เขียนบอกชัดเจนเลยนะว่ามันจะไปโผล่โดยตรงที่ Smart Phone เลยครับ

They won’t link to a website !!

อ้าวทีนี้ เซ็งเลย มันจะไม่เข้าไปใน website ครับ Google AdWords บอกเรามาแบบนี้ โทรเลย นั่นหมายถึง ต้องการอย่างเร่งด่วน ต้องการทันที ต้องการสั่งของ

ทำให้ผมนึกถึงบางอย่าง สินค้า จำเพาะที่ต้องการอย่างเร่งด่วนเลยครับ อันนี้เป็นเทคนิคที่ดีสุดๆ ในเรื่องของการแก้ปัญหาเร่งด่วน

เลยต้องไปอ่านเพิ่มในบทความนี้เลยครับ > https://support.google.com/adwords/answer/7159344?hl=en

และทาง Google ก็มีเขียนไว้ในบล๊อคของเขาที่นี่ครับ > https://adwords.googleblog.com/2015/02/charge-up-your-phones-with-call-only.html

Call-only campaigns are not yet available for campaigns targeting the Display Network.

เอาหล่ะครับ ทีนี้ เราเห็นได้ชัดเจนแล้วว่า มันยังไม่มีใน Display Network ครับ แหม่ โจทย์ AdWords ข้อนี้ หลอกล่อให้เราสับสน ตอนแรกผมกะตะตอบข้อนี้ไปแล้ว ไหวตัวทันนะครับ

 

สรุป ข้อที่ถูกที่สุดคือ ข้อนี้ครับ

Call-only ads สามารถทำได้แค่ ให้ผู้ใช้งาน สามารถโทรหา เบอร์ กิจการของคุณได้เท่านั้น

 

 

เราจับค่า Conversion โดยที่ งบประมาณ มีหลากหลาย ยืดหยุ่น เราจะเพิ่ม Bid CPC อย่างไร ?

เฉลยข้อสอบ Google AdWords Search Network – You’re tracking conversions in a budget-constrained campaign. If you raise cost-per-click (CPC) bids within the budget constraint, which result is most likely?

You’re tracking conversions in a budget-constrained campaign. If you raise cost-per-click (CPC) bids within the budget constraint, which result is most likely?

เฉลยข้อสอบ Google AdWords Search Network – An advertiser who works for a large company wants to make frequent, specific changes to bids based on criteria for more than 100,000 keywords. Which would be the most efficient tool for that advertiser to use?

An advertiser who works for a large company wants to make frequent, specific changes to bids based on criteria for more than 100,000 keywords. Which would be the most efficient tool for that advertiser to use?

เฉลยข้อสอบ Google AdWords Search Network – Your average bid is US$10 and you’ve enabled enhanced cost-per-click bidding (ECPC). Assuming you haven’t set any bid adjustments, ECPC can raise your bid to which amount when AdWords sees an auction that’s more likely to lead to a sale?

Your average bid is US$10 and you’ve enabled enhanced cost-per-click bidding (ECPC). Assuming you haven’t set any bid adjustments, ECPC can raise your bid to which amount when AdWords sees an auction that’s more likely to lead to a sale?

เฉลยข้อสอบ Google AdWords Search Network – Someone searches on “laptop computers” and clicks an ad. Which landing page would be most relevant?

Someone searches on “laptop computers” and clicks an ad. Which landing page would be most relevant?

เฉลยข้อสอบ Google AdWords Search Network – Each of these are benefits you’d expect from Shopping ads except:

Each of these are benefits you’d expect from Shopping ads except:

เฉลยข้อสอบ Google AdWords Search Network – Keyword Planner can do all of these things except:

Keyword Planner can do all of these things except:

เฉลยข้อสอบ Google AdWords Search Network – What information does a target cost-per-acquisition (CPA) bid strategy need in order to find the optimal cost-per-click (CPC) bid for an ad each time it’s eligible to appear?

What information does a target cost-per-acquisition (CPA) bid strategy need in order to find the optimal cost-per-click (CPC) bid for an ad each time it’s eligible to appear?


เฉลยข้อสอบ Google AdWords Search Network – The strategic use of different marketing channels affects:

โจทย์ : The strategic use of different marketing channels affects:

เฉลยข้อสอบ Google AdWords Search Network – Chanara, a senior account manager at a large digital agency, likes having an AdWords manager account. What can she do with a manager account that she can’t do with an individual account?

โจทย์ : Chanara, a senior account manager at a large digital agency, likes having an AdWords manager account. What can she do with a manager account that she can’t do with an individual account?

เฉลยข้อสอบ Google AdWords Search Network – Heather has a mobile app she wants people to keep using once they’ve downloaded it. How can she make it more engaging?

โจทย์ : Heather has a mobile app she wants people to keep using once they’ve downloaded it. How can she make it more engaging?


เนื้อหาเพิ่มเติม :

Custom Deep Links

https://support.google.com/adwords/answer/6046977?hl=en
https://support.google.com/adwords/answer/6167146?hl=en
https://support.google.com/partners/answer/6209162?hl=en

เฉลยข้อสอบ Google AdWords Search Network – An advertiser who uses ad scheduling has a custom bid adjustment for 9 p.m. to 12 a.m. on weeknights. The normal bid is US$0.40 and the bid multiplier is -25%. How much is the advertiser bidding for that time period?

โจทย์ : An advertiser who uses ad scheduling has a custom bid adjustment for 9 p.m. to 12 a.m. on weeknights. The normal bid is US$0.40 and the bid multiplier is -25%. How much is the advertiser bidding for that time period?

เฉลยข้อสอบ Google AdWords Search Network – You own a bed and breakfast in southern France and want to target English-speaking tourists looking for accommodations after they’ve arrived in France. What language and location should you target?

โจทย์ : You own a bed and breakfast in southern France and want to target English-speaking tourists looking for accommodations after they’ve arrived in France. What language and location should you target?

เฉลยข้อสอบ Google AdWords Search Network – If your campaign’s daily budget is US$20, how much of your budget can be spent to show your ads on certain days, based on fluctuations in traffic?

โจทย์ : If your campaign’s daily budget is US$20, how much of your budget can be spent to show your ads on certain days, based on fluctuations in traffic?

เฉลยข้อสอบ Google AdWords Search Network – You want to see how raising your client’s target cost-per-acquisition (CPA) might affect his ad performance. Which tool could help?

โจทย์ : You want to see how raising your client’s target cost-per-acquisition (CPA) might affect his ad performance. Which tool could help?

เฉลยข้อสอบ Google AdWords Search Network – Customers who want to increase app downloads should use which campaign type?

โจทย์ : Customers who want to increase app downloads should use which campaign type?

อ่านเพิ่มเติม :

https://support.google.com/adwords/answer/6357635?hl=en

https://support.google.com/adwords/answer/6309936

 

เฉลยข้อสอบ Google AdWords Search Network – โจทย์ Return on investment (ROI) information can help you manage a client’s

โจทย์ : Return on investment (ROI) information can help you manage a client’s campaign by helping you determine how to:

Return on investment (ROI) information can help you manage a client’s campaign by helping you determine how to:

จาก Link : https://support.google.com/adwords/answer/1722066?hl=en

เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของ ROI, Return of investment

ROI ช่วยวัดเรื่องอะไรได้บ้าง ?

increase sales คือการเพิ่มยอดขาย

generate leads – เพิ่ม การเข้ามาสอบถามหรือติดต่อ อันนี้ SearchMonopoly ถนัดและชำนาญมากที่สุด

และก็ยังมีเรื่องของ “drive other valuable customer activity” ซึ่ง ในมุมมอง คือเรื่องการศึกษา พฤติกรรมของ user ที่เข้ามา interact กับหน้าเว็บของเรา จึงเป็นที่มาว่าทำไมเราต้อง ซิเรียสกับการออกแบบ UX ให้ดี เพราะต้องมั่นใจแน่ชัดว่า Flow ของ user ที่เข้ามาใช้งานนั้นเราสามารถอ่านได้ ซึ่งแนวคิดอันนี้จะมีสอนอยู่ใน Class War Room – Revolution

 

เฉลยแนวข้อสอบ Google AdWords Fundamentals – What’s one of the main benefits of using ad extensions?

เฉลยแนวข้อสอบ Google AdWords Fundamentals –
100. What’s one of the main benefits of using ad extensions?

a) Extension ensure a higher clickthrough rate (CTR) because they make your ad more prominent
b) Extension provide additional information to make your ads more relevant to customers
c) Extension increase your reach by showing your ad on more advertising networks
d) Extension are automated so you don’t have to create your ads

เฉลยแนวข้อสอบ Google AdWords Fundamentals – Which statistic indicates how often a click has led to a conversion?

เฉลยแนวข้อสอบ Google AdWords Fundamentals –
99. Which statistic indicates how often a click has led to a conversion?

a) Converted clicks
b) Conversion rate
c) Clickthrough rate (CTR)
d) Cost-per-conversion